เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพิจิตรว่า ที่อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร พระราชสิทธิเวที รศ.ดร. เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร ลงพื้นที่เพื่อมอบถุงเมตตาซึ่งบรรจุเครื่องยังชีพ ทั้งข้าวสารอาหารแห้งให้กับครอบครัวลิเกที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 พร้อมมอบถุงเมตตาและเยี่ยมให้กำลังใจ สิงห์ แสวงชัย อดีตลิเกชื่อดังของเมืองพิจิตร ที่ประสบปัญหาสุขภาพและการขาดรายได้จากการงดแสดงลิเก
จากนั้น พระราชสิทธิเวทีเดินทางไปวัดสันติพลาราม เพื่อมอบถุงเมตตา เจลล้างมือ และหน้ากากอนามัยให้กับครอบครัวลิเก ซึ่งประกอบด้วย ศิลปินลิเก วงปี่พาทย์ คนงานเวที เครื่องเสียง จำนวน 150 ครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบ ไม่มีรายได้ เนื่องจากไม่มีงานแสดงจากการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยหลังจากรับถุงยังชีพ ศิลปินลิเก แสงสว่าง ดาวร้าย และปอ ปากควาย ได้ร้องลิเกขอบคุณพระราชสิทธิเวที พร้อมกับร้องลิเกรณรงค์ให้รู้ถึงพิษภัยโควิด-19
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร เป็นศูนย์รวมของคณะลิเก โดยมีคณะลิเกกว่า 50 คณะ ประกอบด้วย ศิลปินลิเก วงปี่พาทย์ คนงานเวที เครื่องเสียง กว่า 400 คน มีบ้านพักอาศัยเป็นชุมชนใหญ่อยู่หน้าวัดสันติพลาราม ลิเกส่วนใหญ่มีฐานะปานกลางและยากจน การใช้จ่ายส่วนใหญ่จะเป็นการได้มาจ่ายไป ทั้งนี้ การแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้ไม่มีการแสดง ส่งผลให้ลิเกขาดรายได้ที่จะไปใช้จ่ายทั้งในชีวิตประจำวัน ค่าอาหาร ค่าเช่าบ้าน ค่าผ่อนรถ รายจ่ายจิปาถะ ไม่แตกต่างจากประชาชนผู้ประกอบอาชีพอื่นๆ
ขณะเดียวกัน นายชาติชาย เจียมศรีพงษ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร นำเจ้าหน้าที่ พร้อมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จิตอาสา ออกทำการรณรงค์ป้องกันไวรัสโควิด-19 เตรียมพื้นที่ส่วนรวมของประชาชน เตรียมพร้อมคำสั่งผ่อนปรนในพื้นที่สาธารณะ และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมะที่ปลอดเชื้อ นำรถน้ำและนำยาฆ่าเชื้อออกล้างทำความสะอาดสถานที่สาธารณะ แหล่งท่องเที่ยวของวัดให้ปลอดเชื้อโควิด โดยทำความสะอาดบริเวณโบสถ์ วิหาร ศาลา เมรุของวัดเขารูปช้าง ตำบลดงป่าคำ อำเภอเมืองพิจิตร จุดท่องเที่ยวชมวิวบนยอดเขารูปช้าง เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมการกลับมาใช้งานประกอบพิธีทางศาสนาของชาวพุทธ รวมถึงเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนเข้ามาทำบุญไหว้พระ หลังมีคำสั่งผ่อนปรนพื้นที่สาธารณะ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จังหวัดพิจิตรยังเป็นพื้นที่สีขาว ไม่พบผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งทางสาธารณสุขพิจิตรได้เฝ้าระวังผู้ที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯและปริมณฑล จำนวน 422 ราย ยอดสะสมจำนวน 13,875 ราย เสี่ยงต้องเฝ้าระวัง 16 ราย ในส่วนผู้ที่เดินทางจากประเทศตามเขตโรคติดต่อ จำนวน 165 ราย โดยทั้งหมด 165 ราย พ้นระยะเฝ้าระวังแล้ว
