ศบค.เผยสถิติคนไทยติดเชื้อจาก ตปท. “อินโดนีเซีย” ยอดป่วยสูงที่สุด
โควิด-19 เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ที่ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล “โควิด-19” ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) แถลงความคืบหน้าของสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า จำนวนคนไทยกลับเข้าประเทศและเข้าอยู่ในสถานกักกันที่รัฐบาลจัดไว้ (state quarantine) จำแนกตามประเทศต้นทาง ข้อมูลเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พบว่า
1.ประเทศอินโดนีเซีย จำนวน 137 ราย จำนวนผู้ป่วยยืนยัน 65 ราย คิดเป็นร้อยละ 47.45
2.ประเทศปากีสถาน จำนวน 122 ราย ผู้ป่วยยืนยัน 16 ราย คิดเป็นร้อยละ 7.38
3.ประเทศอังกฤษ จำนวน 33 ราย ผู้ป่วยยืนยัน 2 ราย คิดเป็นร้อยละ 6.06
4.ประเทศคาซัคสถาน จำนวน 55 ราย ผู้ป่วยยืนยัน 2 ราย คิดเป็นร้อยละ 3.64
5.ประเทศมาเลเซียทางท่าอากาศยาน จำนวน 194 ราย ผู้ป่วยยืนยัน 3 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.55
6.สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จำนวน 348 ราย ผู้ป่วยยืนยัน 5 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.44
7.ประเทศจีนจำนวน 137 ราย ผู้ป่วยยืนยัน 1 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.73
8.ประเทศสหรัฐอเมริกา จำนวน 767 ราย ผู้ป่วยยืนยัน 5 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.65
9.ประเทศเนเธอร์แลนด์ จำนวน 166 ราย ผู้ป่วยยืนยัน 1 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.6
10.ประเทศรัสเซีย จำนวน 219 ราย ผู้ป่วยยืนยัน 1 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.46
11.ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 519 ราย ผู้ป่วยยืนยัน 1 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.19
12.ประเทศอินเดีย จำนวน 1,469 ราย ผู้ป่วยยืนยัน 1 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.07
13.ประเทศมาเลเซียทางพรมแดน ทางบก จำนวน 9,695 ราย ผู้ป่วยยืนยัน 1 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.01
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า จำนวนคนไทยเดินทางกลับมายังประเทศไทยสะสม 13,861 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยยืนยัน 97 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.07 โดยประเทศอินโดนีเซียคือ ประเทศต้นทางที่มีผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศไทยมากที่สุดคือ 65 ราย ส่วนประเทศมาเลเซีย พบว่า ผู้เดินทางสามารถเข้าได้ 2 ทาง คือ ท่าอากาศยานและด่านพรมแดน โดยภาคพื้นดินมีผู้เดินทางกลับมาจำนวน 9,695 ราย มีผู้ป่วยเพียง 1 ราย กลับกันคือ ทางอากาศมีผู้เดินทางเพียง 134 ราย แต่พบผู้ป่วยยืนยันสูงถึง 3 ราย อย่างไรก็ตาม การเดินทางทางอากาศจะต้องมีการดูแลอย่างใกล้ชิด ดูแลความปลอดภัยในการป้องกันการติดเชื้อให้มากขึ้น ส่วนทางภาคพื้นดินก็ยังต้องดูแลอยู่เช่นเดียวกัน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า กราฟแสดงจำนวนผู้ป่วยที่มีอาการตามนิยามเฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (PUI) และผู้ป่วยยืนยันรายวัน สะสมเมื่อวันที่ 4 มกราคม – วันที่ 14 พฤษภาคม พบว่าจากเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ที่มีการปรับเกณฑ์นิยามผู้เข้าข่ายการสอบสวนโรค ในขณะนี้มีการนำผู้ต้องสงสัยว่าจะติดเชื้อเข้าระบบการตรวจมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นมาตรการที่สามารถค้นหาผู้ป่วยและดึงผู้ที่มีความเสี่ยงเข้ามารับการตรวจหาเชื้อให้ได้มากที่สุด
“การตรวจทางห้องปฏิบัติการจะเป็นการช่วยยืนยันให้เราได้ว่ามีผู้ติดเชื้ออยู่ที่ไหน โดยมาตรการเหล่านี้ได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด” โฆษก ศบค. กล่าว
