ลงทะเบียน “ไทยชนะ” แล้ว กว่า 1.1 หมื่นร้าน ศบค.ชี้ไม่บังคับ ขอความร่วมมือปชช.ใช้งาน
ไทยชนะ- กรณีการลงทะเบียนในแพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” หากผู้ประกอบกิจการ/กิจกรรมที่เปิดให้บริการ แต่ไม่ลงทะเบียนได้หรือไม่ เป็นการบังคับจากภาครัฐหรือไม่ในการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น หรือการลงทะเบียนในแพลตฟอร์มดังกล่าว
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) แถลงที่ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล “โควิด-19” ทำเนียบรัฐบาล ว่า เบื้องต้นเรียนว่า ไม่ได้เป็นการบังคับแต่อย่างใด เป็นการขอความร่วมมือ ด้านที่ 1 ส่งผลดีต่อสุขภาพของประชาชน เพื่อรับทราบความแออัด/ความหนาแน่นของผู้ใช้บริการในแต่ละสถานประกอบการ ด้านที่ 2 จะส่งผลดีต่อผู้ที่เปิดกิจการด้วยว่า ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการนั้นจะเป็นส่วนหนึ่งของการนำเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 เข้ามาในร้านของท่านด้วยหรือไม่ ด้านที่ 3 การตรวจสอบมาตรการต่างๆ
“ส่งผลดีกับทุกส่วนทุกฝ่าย ส่งผล ดีทั้ง 3 ส่วน เป็นเรื่องที่ต้องขอความร่วมมือและไม่ได้มีความยุ่งยากแต่อย่างใด และแพลตฟอร์มจาก www.ไทยชนะ.com ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการ อย่างมาก” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อไปว่า ข้อมูลการลงทะเบียนร้านค้าสูงสุดจาก www.ไทยชนะ.com ยอดลงทะเบียนวันที่ 17 พฤษภาคม ตั้งแต่เวลา 06.00 น. รวมทั้งสิ้น 11,599 ร้านค้า โดย 10 อันดับจังหวัด ลงทะเบียนสูงสุด ได้แก่ 1.กรุงเทพมหานคร 3,420 ร้าน 2.ชลบุรี 877 ร้าน 3.นนทบุรี 611 ร้าน 4.สมุทรปราการ 545 ราย 5.ปทุมธานี 423 ร้าน 6.เชียงใหม่ 381 ร้าน 7.สุราษฎร์ธานี 357 ร้าน 8.นครราชสีมา 311 ร้าน 9.ขอนแก่น 248 ร้าน และ 10.สงขลา 219 ร้าน
“เข้าไปแพลตฟอร์มแล้วจะพบว่าสะดวกสบาย เพื่อกดเข้าไปดูความแออัดของผู้เข้าใช้บริการในแต่ละร้าน โดยผู้ใช้บริการไม่ต้องแสดงตัวอะไร ยกเว้นแต่เมื่อเข้าไปที่ร้านแล้วก็จะต้องทำการสแกนคิวอาร์โค้ด ถ่ายภาพและเช็กอิน และเมื่อจะออกจากร้านก็สแกนคิวอาร์โค้ดและเช็กเอาท์ออกจากร้าน ซึ่งหลายคนมีความคุ้นเคย เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการทำธุรกรรมด้านดิจิตอล” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
นอกจาก นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ข้อดีที่สำคัญคือ หากพบว่าสถานที่ไหนมีผู้ติดเชื้อยืนยันรายใหม่เกิดขึ้น จากเดิมที่จะต้องกวาดคนจำนวนกว่าร้อยคนเพื่อนำไปสอบสวนโรค แต่ระบบนี้จะสามารถจำกัดจำนวนคนที่จะสอบสวนโรคได้ และถ้าผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงก็จะสามารถได้รับการตรวจโดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ แล้วรัฐบาลเห็นก็จะไม่ต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจแบบหว่านแห ทั้งนี้ไม่ต้องโหลดแอพพลิเคชั่นเนื่องจากเป็นแพลตฟอร์ม ซึ่งจะมีความสะดวกใช้
