จับตา “สเปน” ยอดตายโควิด-19 เป็น 0 “ดูไบ” คลายล็อกเมืองหลังปิดสนิท 2 เดือน
เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) เปิดเผยระหว่างแถลงความคืบหน้าสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ว่า สถานการณ์ทั่วโลกใน 211 ประเทศ ประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 79 และพบผู้ป่วยยืนยันการติดเชื้อทั่วโลกสะสมรวม 6,485,571 ราย รักษาหายแล้ว 3,010,695 ราย เสียชีวิต 382,412 ราย
พญ.พรรณประภา กล่าวว่า ประเทศที่พบผู้ป่วยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.สหรัฐอเมริกามีผู้ติดเชื้อสูงที่สุด 1,881,205 ราย เสียชีวิต 1,08,059 ราย 2.บราซิล 558,237 ราย เสียชีวิต 31,309 ราย 3.รัสเซีย 423,741 ราย เสียชีวิต 5,037 ราย 4.สเปน 287,012 ราย เสียชีวิต 27,127 ราย และ 5.สหราชอาณาจักร 277,012 ราย เสียชีวิต 39,369 ราย โดยจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ทั่วโลกเพิ่มขึ้นกว่า 119,374 ราย ภายใน 1 วัน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 4,975 ราย โดยในวันนี้ประเทศสเปนไม่มีจำนวนผู้เสียชีวิตรายใหม่
พญ.พรรณประภา กล่าวว่า ส่วนสถานการณ์ในกลุ่มประเทศเอเชีย จำนวน 15 ประเทศ เรียงลำดับตามจำนวนยอดผู้ป่วยสะสม ได้แก่ 1.อินเดีย ผู้ป่วยสะสม 207,191 ราย เสียชีวิต 5,829 ราย 2.ปากีสถาน ผู้ป่วยสะสม 76,398 ราย เสียชีวิต 1,621 ราย 3.บังกลาเทศ ผู้ป่วยสะสม 52,445 ราย เสียชีวิต 709 ราย 4.สิงคโปร์ ผู้ป่วยสะสม 35,836 ราย เสียชีวิต 24 ราย 5.อินโดนีเซีย ผู้ป่วยสะสม 27,549 ราย เสียชีวิต 1,663 ราย 6.ฟิลิปปินส์ ผู้ป่วยสะสม 18,997 ราย เสียชีวิต 966 ราย 7.ญี่ปุ่น ผู้ป่วยสะสม 16,930 ราย เสียชีวิต 894 ราย 8.เกาหลีใต้ ผู้ป่วยสะสม 11,590 ราย เสียชีวิต 273 ราย 9.มาเลเซีย ผู้ป่วยสะสม 7,877 ราย เสียชีวิต 115 ราย 10.ไทย ผู้ป่วยสะสม 3,084 เสียชีวิต 58 ราย 11.เวียดนาม ผู้ป่วยสะสม 328 ราย เสียชีวิต 0 ราย 12.เมียนมา ผู้ป่วยสะสม 232 ราย เสียชีวิต 6 ราย 13.บรูไน ผู้ป่วยสะสม 141 ราย เสียชีวิต 2 ราย 14.กัมพูชา ผู้ป่วยสะสม 125 ราย เสียชีวิต 0 ราย และ 15.สาธารณรัฐประชาชนลาว ผู้ป่วยสะสม 19 ราย เสียชีวิต 0 ราย
“ประเด็นที่น่าสนใจในต่างประเทศ คือ 1.อินเดีย โดยกระทรวงสาธารณสุขของอินเดีย เปิดเผยว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่พุ่งขึ้น 8,171 รายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อทั่วประเทศขณะนี้อยู่ที่ 198,706 ราย พบผู้เสียชีวิตรายใหม่เพิ่มอีก 204 ราย ซึ่งทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 5,598 ราย จำนวนผู้ที่ได้รับการรักษาจนหายและออกจากโรงพยาบาลแล้วอยู่ที่ 95,527 ราย และอินเดียเริ่มใช้มาตรการล็อกดาวน์ระยะที่ 5 ทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ซึ่งจะมีการผ่อนปรนข้อจำกัดต่างๆ และธุรกิจในหลายภาคส่วนได้กลับมาเปิดทำการอีกครั้งภายใต้การล็อกดาวนระยะล่าสุดนี้” พญ.พรรณประภา กล่าว
นอกจากนี้ พญ.พรรณประภา กล่าวว่า ดูไบ เปิดหาดให้คนพักผ่อนครั้งแรกหลังล็อกดาวน์คุมโควิด-19 โดยทางการดูไบประกาศเปิดชายหาดและสวนสาธารณะต่างๆ เป็นครั้งแรก ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากผู้ปกครองในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีคำสั่งล็อกดาวน์และประกาศใช้เคอร์ฟิวนานร่วม 2 เดือน โดยล่าสุด ทางการได้มีการผ่อนปรนข้อจำกัดต่งๆ และเริ่มอนุญาตให้โรงภาพยนตร์ โรงยิม และสถานที่สาธารณะต่างๆ กลับมาเปิดทำการได้ตามปกติ ภายใต้มาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด
“ขณะเดียวกัน ยังมีประชาชนจำนวนมากที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยและไม่ปฏิบัติตามกฎการเว้นระยะห่างทางสังคม ตัวอย่างจากดูไบ เป็นสิ่งสำคัญให้เห็นว่า หลังจากมีการผ่อนคลายแล้ว ความร่วมมือต่างๆ อาจจะเริ่มย่อหย่อนลง เพราะฉะนั้นประเทศไทยจะต้องไม่ย่อหย่อย จะต้องสวมหน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่างทางสังคม” พญ.พรรณประภา กล่าว
พญ.พรรณประภา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน มีมาตรการผ่อนคลายระยะที่ 3 โดยมีกิจการ/กิจกรรมหลายประเภทที่กลับมาดำเนินกิจการได้ตามปกติและประชาชนเองก็ดำเนินชีวิตได้ตามปกติมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามความปกตินี้ จะไม่ใช่ความปกติเดิม จะต้องเป็นวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) โดยประชาชนอาจจะรู้สึกขัดใจ ไม่คุ้นชิน หรือไม่สะดวกบ้าง แต่มาตรการต่างๆ นั้นเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดซ้ำใหม่ ประชาชนจะต้องช่วยกันปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ รวมถึงการใช้แอพพลิเคชั่น “ไทยชนะ” เพื่อให้ดำเนินการสอบสวนโรคทันต่อการควบคุมการแพร่ระบาดในวงจำกัด เพื่อให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้า มีมาตรการผ่อนคลายในระยะถัดไปจนทุกอย่างกลับมาดำเนินกิจการได้ตามปกติ
“ประชาชนต้องร่วมมือกัน เพื่อให้ประเทศของเราไม่ต้องถอยหลัง กลับมาที่จุดเดิม ซ้ำเดิม หรือปิดกิจการที่เคยเปิดไปแล้วอีก ในช่วงแรกอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เชื่อว่าเวลาผ่านไป คนไทยจะปรับตัวและกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอีกครั้งหนึ่ง ร่วมกันใช้สองมือในการสวมหน้ากากอนามัย สองมือในการล้างมือ และ สองมือในการเว้นระยะห่างทางสังคม” พญ.พรรณประภา กล่าว
