ไทยปลอด “โควิด-19” ในปท.ต่อเนื่อง 48 วัน สธ.ไม่วางใจ ย้ำปชช.ดูบทเรียนต่างแดน 

ไทยปลอด “โควิด-19” ในปท.ต่อเนื่อง 48 วัน สธ.ไม่วางใจ ย้ำปชช.ดูบทเรียนต่างแดน 

เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยวันนี้ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย เป็นคนไทยที่เดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่น และเข้ารับการเฝ้าระวังกักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ ไม่มีผู้ป่วยกลับบ้านเพิ่ม ทำให้มีผู้ป่วยกลับบ้านสะสม 3,088 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 95.99 ของผู้ป่วยทั้งหมด มีผู้ป่วยที่ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 71 ราย หรือร้อยละ 2.21 ของผู้ป่วยทั้งหมด ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมผู้เสียชีวิตสะสม 58 ราย ผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 3,217 ราย

สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ 1 ราย เป็นเพศชาย อายุ 39 ปี สัญชาติไทย อาชีพพนักงานบริษัท เดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่น ถึงประเทศไทยวันที่ 30 มิถุนายน 2563 เข้าพักที่สถานเฝ้าระวังกักตัวที่รัฐจัดให้ในกรุงเทพมหานคร พบเชื้อจากการตรวจในครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2563 แต่ไม่มีอาการ

ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค สธ. กล่าวว่า แม้ว่าขณะนี้ประเทศไทยจะผ่านพ้นการระบาดในระลอกแรกไปแล้ว เนื่องจากไม่พบการติดเชื้อในประเทศต่อเนื่องเป็นเวลา 48 วัน และจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ในอันดับที่ 100 ของโลก ซึ่งเป็นผลมาจากความร่วมมือร่วมใจของประชาชนที่ช่วยกันป้องกันตัวเองจากโรคโควิด-19 แต่อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทั่วโลกยังพบการระบาดเป็นวงกว้างอยู่ โดยประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุด คือ สหรัฐอเมริกา 3,355,646 ราย รองลงมา บราซิล 1,840,812 ราย และ อินเดีย 850,358 ราย และยังมีอีกหลายประเทศที่กลับมาพบผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนอีกครั้ง อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน (เขตปกครองพิเศษฮ่องกง) เป็นต้น ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่มีความเสี่ยง เข้าไปอยู่ในพื้นที่แออัด เช่น สถานบันเทิง ตลาดค้าส่ง

“ขอให้คนไทยนำเหตุการณ์จากต่างประเทศมาเป็นบทเรียนไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย โดยยังต้องเข้มมาตรการป้องกันตนเองจากเชื้อโควิด-19 ต่อไป และทำให้เป็นนิสัย ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน ไม่นำตัวเองไปสัมผัสกับความเสี่ยงต่างๆ เลี่ยงการไปอยู่ในสถานที่แออัดคนรวมกันจำนวนมาก เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ” นพ.โสภณ กล่าวและว่า ที่สำคัญคือ เมื่อป่วยต้องอยู่บ้านพักรักษาตัวไม่ไปในสถานที่ต่างๆ ป้องกันการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น และเคร่งครัดการลงทะเบียนเข้า-ออก สถานที่เข้าใช้บริการในแพลตฟอร์ม และแอพพลิเคชั่น “ไทยชนะ” เพราะหากพบผู้ติดเชื้อ จะใช้เป็นข้อมูลในการติดตามผู้สัมผัสนำเข้าสู่ระบบการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคต่อไป

Advertisement

นพ.โสภณ กล่าวว่า ขณะเดียวกัน สธ.ได้เตรียมความพร้อมทั้งเครื่องมือ อุปกรณ์ และบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อเตรียมรับมือหากเกิดการระบาดระลอก 2 ในประเทศ

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image