เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม นายปรีดา เชื้อผู้ดี ที่ปรึกษาจุฬาราชมนตร ีและนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าอิฐ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี กล่าวว่า นักศึกษาไทยที่เสียชีวิตที่อียิปต์ที่เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นนักเรียนทุน ระดับมหาวิทยาลัยปี 3 มหาวิทยาลัยอันละระฮัส ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยดังของกรุงไคโร ได้เริ่มป่วยก่อนที่สถานทูตจะทราบเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ประมาณ 3 สัปดาห์ คือเริ่มป่วยประมาณวันที่ 3 กรกฎาคม พอป่วยก็ได้กินยารักษาตัวมาเรื่อยๆ เนื่องจากไปหาหมอแล้วก็ให้กลับมารักษาตัวที่บ้าน ส่วนการไปพบแพทย์กี่ครั้งไม่ทราบ แต่ที่อียิปต์มีคนไข้เกือบแสนคน ไม่มีสถานที่จะดูแล
“ประเทศเขาไม่พร้อมเหมือนประเทศไทย เพราะผู้ป่วยเขาก็เกือบแสนคนแล้ว เข้าใจเขา เหมือนเข้าไปรักษาเขาก็ให้ยามา แต่ไม่มียารักษาโดยตรง ก็กลับมาพักที่บ้านแล้วก็เริ่มมีอาการหนักขึ้น แล้วเด็กก็ประสานสถานทูต จากนั้นสถานทูตก็ประสานผ่านกระทรวงสาธารณสุขอียิปต์ นำตัวส่งโรงพยาบาลในวันที่ 24 กรกฎาคม ซึ่งอาการเริ่มไม่ดีแล้ว วันที่ 24 ก.ค.คือแย่แล้ว แล้วก็มาเสียชีวิตในวันที่ 28 กรกฎาคม จากนั้นทำพิธีทางศาสนาที่อียิปต์ไปเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งที่ไทยก็ทำแล้วภายใน 24 ชั่วโมง โดยทำพิธีด้วยทางบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมนำไปฝังที่สุสานนักเรียนไทยที่ประเทศอียิปต์กรุงไคโร โดยทำพิธีถูกต้องตามศาสนาอิสลามทุกอย่างเรียบร้อย” นายปรีดากล่าว
นายปรีดากล่าวว่า ตอนนี้ยังมีนักศึกษาป่วยด้วยโรคโควิด-19 อยู่ที่ประเทศอียิปต์ประมาณ 127 คน รักษาหายแล้ว 26 คน ซึ่งยังมีนักศึกษาตกค้างอยู่ที่อียิปต์และตะวันออกกลางอยู่อีกเป็นพันคน ซึ่งก็รวมทั้งคนงานไทยทุกศาสนา แต่ส่วนมากจะเป็นนักศึกษา เดิมเคยมีอยู่ถึง 4,000 คน แต่ได้บินกลับมาแล้ว 7 เที่ยวบิน ซึ่งก็ยังเหลืออีกพันกว่าคน
