สธ.ยกระดับป้องตะเข็บชายแดนสกัดโควิด-19 เล็งบังคับใช้โทษสูงสุดผู้ลักลอบเข้าเมือง
เมื่อวันที่ 9 กันยายน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายธนิตพล ไชยนันท์ ที่ปรึกษารัฐมตรีช่วยการ สธ. แถลงมาตรการป้องกันและควบคุมกลุ่มผู้ลักลอบเข้าเมืองในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19
นายธนิตพล กล่าวว่า ขณะนี้ สธ.กำหนดมาตรการป้องกันไม่ให้การระบาดในประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในประเทศไทย อาทิ มาตรการยกระดับการป้องกันโรค ซึ่งครั้งนี้ต่างจากการป้องกันการระบาดในประเทศไทยครั้งแรก ที่ดำเนินการป้องกันผู้เดินทางต่างประเทศ การเดินทางโดยเครื่องบิน เป็นการยกระดับด้วยการป้องกันขอบชายแดนไทยจากประชาชนประเทศเพื่อนบ้าน ในการสนับสนุนเวชภัณฑ์/อุปกรณ์ป้องกันและการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่ง สธ.ได้ส่งเวชภัณฑ์และงบประมาณไปยังหน่วยบริการสาธารณสุขในพื้นที่แล้ว พร้อมทั้งสนับสนุนสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ (สสอ.) และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในด้านวิชาการ เวชภัณฑ์/อุปกรณ์ต่างๆ
“ทั้งหมดได้ดำเนินการไปแล้ว และคาดว่าอีกไม่กี่วันอุปกรณ์เหล่านั้นจะส่งถึงมือผู้ใช้” นายธนิตพล กล่าวและว่า มาตรการป้องกันต้องอาศัยภาคีเครือข่ายทั้งระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน เพื่อตรวจสอบผู้เข้าพื้นที่อย่างทั่วถึง รวมถึงอาศัยภาคีเครือข่ายประเทศเพื่อนบ้าน
นายธนิตพล กล่าวว่า ดังนั้น สธ.จึงดำเนินการฟื้นฟูอาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าว (อสต.) ในประเทศเพื่อนบ้าน และมาตรการสร้างชุดเคลื่อนที่เร็วกว่า 300 คน ที่พร้อมด้านอุปกรณ์ป้องกัน บุคลากรที่มีความรู้ และสามารถทำการตรวจหาเชื้อในลำคอ (Swab) ในประชาชนตามแนวตะเข็บชายแดน ส่งตรวจที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 2 และ โรงพยาบาล (รพ.) แม่สอด แสดงให้เห็นว่า ส่วนกลางมีความพร้อมสนับสนุนในส่วนพื้นที่ หากเกิดสถานการณ์หรือพบผู้ป่วยที่ข้ามมาจากประเทศเพื่อนบ้าน
“เราอยากให้ความมั่นใจกับประชาชน ในมาตรการต่างๆ ที่ สธ. ดำเนินการ เรามีความพร้อมที่จะให้ประชาชนได้รับความปลอดภัยจากการระบาดในประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศเพื่อนบ้านเองก็มีความพร้อมป้องกันการระบาดของโควิด-19 ไม่ให้กระทบกับประเทศของเรา วันที่ 14 กันยายนนี้ สธ.จะลงพื้นที่แม่สอดเพื่อเตรียมความพร้อมในการใช้มาตรการ” นายธนิตพล กล่าว
นายธนิตพล กล่าวอีกว่า ในส่วนของ จ.ตาก ที่มี 5 อำเภอติดกับเขตชายแดน ระยะทาง 560 กิโลเมตร (กม.) มีด่านถาวร 2 แห่ง และด่านธรรมชาติขนาดใหญ่ 36 ด่าน ซึ่งได้ปิดด่านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สธ.ได้ให้การสนับสนุนทั้งเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ป้องกัน รวมถึงสื่อสารกับประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นเครือข่ายคู่ขนาน ดังนั้น สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้เกิดการยับยั้งการระบาดของโควิด-19 รวมถึงขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันตรวจสอบกลุ่มผู้ที่ลักลอบข้ามแดนเข้ามา หากพบเหตุการณ์ดังกล่าว ก็สามารถแจ้งมายังเจ้าที่ได้ทันที โดยฝ่ายความมั่นคง ได้กำชับเจ้าหน้าที่พื้นที่ชายแดน เข้มงวดในการลาดตะเวน
อย่างไรก็ตาม นายธนิตพล กล่าวว่า จากการหารืออย่างไม่เป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการ สธ. และฝ่ายความมั่นคง ได้หามาตรการเพิ่มโทษ เอาผิดผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยจะให้กำหนดโทษสูงสุด เพิ่มความเข้มงวดในการจับกุม โดยในสถานการณ์ปกติการลักลอบเข้าเมือง มีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ แต่ไม่เท่ากับในสถานการณ์ปัจจุบันที่ผู้ลักลอบเข้าเมืองจะนำโรคติดเชื้อเข้ามาในประเทศไทยด้วย