‘หมอธีระ’ เตือน เปิดรับต่างชาติเข้าไทยเสี่ยงติดโควิดสูง ชี้มีบทเรียนมาแล้วจากหลายประเทศ

“หมอธีระ” เตือน เปิดรับต่างชาติเข้าไทยเสี่ยงติดโควิดสูง ชี้มีบทเรียนมาแล้วจากหลายประเทศ

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยถึงกรณีที่รัฐบาลมีแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนตุลาคมนี้ว่า หากประเทศไทยมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างชาติเข้ามา จะทำให้มีความเสี่ยงโควิด-19 สูงขึ้น เนื่องจากต่างประเทศทั่วโลกมีการระบาดที่รุนแรงกว่าประเทศไทย ถ้าดูจากจำนวนตัวเลขวันนี้แตะเกือบ 30 ล้านคน อีกทั้งอัตราการติดเชื้อไวขึ้น กว่าช่วงเดือนมีนาคมถึง 9 เท่า ไวกว่าช่วงเดือนพฤษภาคม และเดือนมิถุนายน ถึง 3 เท่า เพิ่มขึ้น 1 ล้านคน อัตราเร็วคือ 3.5 วัน ซึ่งถือว่าไวมาก และเมื่อไปเจาะดูรายประเทศจะพบว่าประเทศส่วนใหญ่ของโลก มีการติดเชื้อมากกว่าประเทศไทยหลายเท่าตัว ขณะที่ในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยตอนที่ยังไม่เปิดประเทศ มีอัตราการตรวจพบผู้ติดเชื้อเฉลี่ย 0.5% ถือว่ามีจำนวนต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ

“ถ้าเปิดให้ชาวต่างชาติเข้ามาไม่ว่าจะมาจากประเทศไหน ความเสี่ยงย่อมมากขึ้น ก่อนหน้าที่จะรับนักท่องเที่ยวประเทศไทยมีการปลดล็อกเฟส 5 เฟส 6 เพื่อรับ 11 กลุ่มเป้าหมาย ซึ่งผมคาดหมายว่า หากมีนักท่องเที่ยวเข้ามา 1 แสนคน จาก 11 กลุ่มเป้าหมาย จะเจอผู้ติดเชื้อ ประมาณ 500 คน คิดเป็นอัตรา 0.5% แต่ถ้าเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จะลำบากเพราะจะมาจากหลากหลายชาติ ความเสี่ยงจะมากขึ้นตามจำนวนคนที่เข้ามา” รศ.นพ.ธีระกล่าว

รศ.นพ.ธีระกล่าวว่า ที่ผ่านมาแม้ว่า กระทรวงสาธารณสุขจะชี้แจงกับสาธารณชนว่า การรับนักท่องเที่ยวเข้ามาไม่มีความเสี่ยง ไม่เพิ่มความเสี่ยง ซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด เพราะเป็นความคลาดเคลื่อนกับความเป็นจริงที่อธิบายในทางวิชาการ เพราะประเทศอื่นระบาดรุนแรง อีกทั้งการที่บอกว่าประเทศเอาอยู่ไม่เพิ่มความเสี่ยง เพราะมีระบบคัดกรอง และการกักตัว 14 วัน ซึ่งการตรวจเชื้อไม่ได้การันตีความปลอดภัย 100% มีโอกาสหลุดรอดได้ถึง 5% นั่นหมายถึงคนติดเชื้อที่เดินทางเข้ามามีโอกาสที่จะได้ผลลบ และเมื่อกลุ่มนี้หลุดเข้าไปในชุมชนในเมือง กทม. และการป้องกันของประชาชนไม่ดีพอ มีโอกาสแพร่ระบาดได้ จะเห็นได้จากการเปิดประเทศของหลายประเทศ ไม่มีประเทศไหนที่รอดจากการติดเชื้อภายในประเทศ ต่อมาก็จะมีการระบาดซ้ำ เช่น ประเทศ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เวียดนาม ออสเตรีย พอเปิดประเทศให้คนเข้ามาจะเจอคนที่ติดเชื้อภายในประเทศในระยะเวลา 4-6 สัปดาห์

รศ.นพ.ธีระกล่าวว่า เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ที่เริ่มให้กลุ่มเป้าหมายทยอยเข้ามา และพบว่าเจอเคสที่เป็นอดีตดีเจติดเชื้อโควิด ตอนช่วง 6 สัปดาห์หลังจากที่เริ่มเปิดประเทศ สิ่งนี้ตรงตามที่เคยระบุไว้ว่าประเทศอื่นก็เป็นแบบนั้น สิ่งที่เตือนต่อมาคือ เมื่อเจอเคสที่ติดเชื้อโควิดภายในประเทศแล้ว มักจะหาต้นตอไม่ได้ เพราะคนเราจะจำไม่ได้ว่า 14 วันก่อนหน้านี้ไปเจอใครมาแล้วบ้าง ต่อให้ถามประวัติก็มีโอกาสหลุดรอดเสมอ อย่างเคสอดีตดีเจก็มีการสอบถามคนใกล้ชิดกว่า 1,000 คน แต่มาตรวจจริง 500 คนที่ไม่ติดเชื้อ และอีก 500 คนไม่ได้ตรวจและไม่ได้บอกเหตุผล ก็มีโอกาสหลุดรอดได้

Advertisement

“มี 3 เรื่องหลักๆ ที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน ประการแรกคือ การสื่อสารกับสาธารณชนให้ทราบว่ามีการติดเชื้อในประเทศ และหาต้นตอไม่ได้ทั้งหมด และมีโอกาสติดเชื้อแฝงโดยที่ไม่รู้ต้นตอของเชื้อ ประชาชนต้องเคร่งครัดตั้งการ์ดขึ้นมา ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ อยู่ห่างคนอื่น 1 เมตร พบคนน้อยลงสั้นลง เที่ยวอย่างมีสติ เลี่ยงการชุมนุม 2.ทางครัวเรือน ธุรกิจ ห้างร้าน ที่จ้างแรงงานต่างด้าว ควรที่จะขึ้นทะเบียนและพาไปตรวจเชื้อโควิดทุกราย ทางการก็มีการรับแรงงานต่างด้าวเข้ามาเป็นทางการด้วย แรงงานเหล่านี้จะไม่ได้อยู่ในสเต็จควอรันทีนเหมือนปกติ แต่เขาได้วางแผนให้นายจ้างที่รับต่างด้าวเข้ามาทำสถานที่กักตัวเอง สังเกตอาการเอง ซึ่งความเสี่ยงในการหลุดรอดก็สูงเช่นเดียวกัน และสุดท้ายสิ่งที่รัฐบาลต้องทำอย่างยิ่ง คือการเตรียมระบบคัดกรองเชื้อโควิดที่ง่ายและทั่วถึงทุกคน เบิกจ่ายได้จากกองทุนสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ ประกันสังคม บัตรทอง โดยไม่ต้องยึดติดว่าจะต้องมีอาการ เพราะบางคนอาจไม่แสดงอาการก็เป็นได้ เพราะในขณะนี้ถ้าเกิดการระบาดรอบ 2 ขึ้นมา ระบบจะเป็นหัวใจหลักที่จะควบคุมโรค ซึ่งไม่เหมือนกับการระบาดรอบแรก และรัฐจำเป็นต้องสื่อสารกับสาธารณะโดยใช้หลักวิชาการมาเป็นตัววิเคราะห์และนำเสนออย่างถูกต้องเหมาะสม ที่ผ่านมารัฐพยายามเสนอข้อมูลต่างๆ ที่ไม่ตรงกัน จะทำให้เกิดความไม่น่าเชื่อถือ” รศ.นพ.ธีระกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image