แพทย์เผยดีเอ็นเอโควิด-19 ของแหม่มฝรั่งเศส ไม่ตรงกับ 2 ราย ที่ติดเชื้อในสถานกักโรคเดียวกัน
เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าผลการสอบสวนโรคกรณีผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 รายที่เป็นหญิงชาวฝรั่งเศส ใน จ.สุราษฎร์ธานี ว่า ล่าสุดแพทย์ได้สรุปผลตรวจเชื้อจากรหัสพันธุกรรม (ดีเอ็นเอ) แล้ว
ทั้งนี้ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงผลการถอดรหัสสารพันธุกรรม หรือ ดีเอ็นเอ เชื้อโควิด-19 ของหญิงชาวฝรั่งเศส และผู้ป่วยต่างชาติอีก 2 ราย ที่กรมควบคุมโรครายงานก่อนหน้านั้น ว่า เบื้องต้นผลตรวจออกแล้ว โดยผลถอดรหัสสารพันธุกรรมของหญิงชาวฝรั่งเศส ไม่เหมือนกับของอีก 2 ราย ถือเป็นเชื้อคนละกลุ่มกัน
ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผลดังกล่าวเป็นผลเบื้องต้น ซึ่งทำให้ทราบว่า หญิงฝรั่งเศส ไม่ได้ติดเชื้อมาจากผู้ป่วย 2 คนที่อยู่ในสถานกักกันเดียวกัน เนื่องจากเชื้อคนละสายพันธุ์ แต่จากการสอบสวนโรคที่ผ่านมา ทำให้มีความเป็นไปได้ว่า ติดภายในโรงแรมที่เป็นสถานกักกันทางเลือก (Alternative State Quarantine) เพราะหญิงฝรั่งเศสเดินทางมาถึง และอยู่ในสถานกักกันตัวทางเลือกถึง 17 วัน จึงมีอาการ ทั้งๆ ที่โดยปกติเมื่อรับเชื้อคนจะแสดงอาการและป่วยประมาณ 7-10 วัน ซึ่งเมื่อมาพบเชื้อวันหลังๆ และพบในปริมาณมากก็แสดงว่า เพิ่งได้รับเชื้อ จึงคาดว่าติดจากในสถานกักกัน
“ส่วนจะติดจากใคร หรือต้นตอมาจากที่ไหน ขณะนี้กำลังสอบสวนโรคต่อไปอีก แต่ที่แน่ๆ คือ ต้องมีการจัดการพื้นที่ในสถานกักกันให้ดี เพื่อป้องกันเชื้อปนเปื้อน ต้องมีการจัดการสิ่งแวดล้อมให้ดี อย่างไรก็ตาม จากนี้จะนำเชื้อดังกล่าวมาเปรียบเทียบกับเชื้อประเทศต้นทาง และพิจารณาหลายๆ ปัจจัย แต่ทั้งหมดไม่ต้องกังวลว่าจะมีการแพร่เชื้อ เพราะผู้ป่วยอยู่ในการดูแลของแพทย์และอยู่ในโรงพยาบาล (รพ.) รวมทั้งผู้สัมผัสใกล้ชิดทั้งกลุ่มเสี่ยงต่ำ และกลุ่มเสี่ยงสูงอยู่ในการเฝ้าระวังและติดตามทั้งหมด” นพ.โสภณ กล่าว
