อนามัยโพลชี้คนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล วิตกกังวลฝุ่น PM2.5 ทำลายสุขภาพ

อนามัยโพลชี้คนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล วิตกกังวลฝุ่น PM2.5 ทำลายสุขภาพ

วันนี้ (10 พฤศจิกายน 2563) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายนของทุกปี ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เป็นช่วงที่มีฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM2.5 อยู่ในระดับสูง เนื่องจากสภาพอากาศนิ่งและภาวะลมสงบ ทำให้ฝุ่นที่เกิดจากกิจกรรมต่างๆ ทั้งจากการจราจร การเผาไหม้ ไม่สามารถกระจายตัว จึงทำให้ฝุ่นสะสมในปริมาณเพิ่มสูงขึ้น จนอยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ต้องดูแลและป้องกันสุขภาพตนเองอย่างต่อเนื่อง

นพ.สุวรรณชัยกล่าวว่า ผลสำรวจอนามัยโพลเรื่องการเตรียมตัวรับมือฝุ่น PM2.5 จากประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ได้แก่ จ.สมุทรปราการ จ.สมุทรสาคร จ.นครปฐม จ.ปทุมธานี และ จ.นนทบุรี จำนวน 1,230 คน พบว่าร้อยละ 68 มีความวิตกกังวลหรือกลัวว่าฝุ่น PM2.5 จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เนื่องจากมีขนาดเล็กและมองไม่เห็น อาจเข้าถึงถุงลมปอด ทำให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจ หอบหืด ภูมิแพ้ และบางคนมีปัญหาสุขภาพอยู่แล้ว อาจเพิ่มความรุนแรงของโรคและ ส่งผลต่อปัญหาสุขภาพระยะยาว

​“ขณะที่ประชาชนร้อยละ 65 ไม่ทราบว่าปัญหาฝุ่น PM2.5 กำลังจะเกิดขึ้นช่วงไหน และสำหรับการเตรียมดูแลสุขภาพตนเองและคนในครอบครัวในช่วงก่อนเกิดปัญหาฝุ่นนั้นพบว่า ร้อยละ 27 มีการสำรองหน้ากากป้องกันฝุ่น ร้อยละ 17 ทำความสะอาดบ้าน ล้างแอร์ ล้างพัดลม และมีเพียงร้อยละ 11 เท่านั้น สามารถเข้าถึงข้อมูล ที่แสดงระดับสีเตือนความรุนแรงของ PM2.5 และปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ยังมีการเตรียมในเรื่องอื่นๆ ได้แก่ ปลูกต้นไม้เพื่อดักฝุ่น ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ เครื่องกรองอากาศ เตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับคนป่วยไว้ล่วงหน้า เตรียมเบอร์โทรฉุกเฉิน เป็นต้น” นพ.สุวรรณชัยกล่าว

อธิบดีกรมอนามัยกล่าวว่า ผลสำรวจอนามัยโพลยังพบอีกว่า ประชาชนส่วนใหญ่กังวลว่ากลุ่มวัยที่จะได้รับผลกระทบต่อสุขภาพจากปัญหาฝุ่น PM2.5 มากที่สุด คือ กลุ่มผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้มีโรคประจำตัว เช่น หอบหืด ภูมิแพ้ รวมถึงผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง เช่น ตำรวจจราจร แม่ค้าริมถนน พนักงาน กวาดถนน จึงควรแนะนำให้กลุ่มเสี่ยงที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงฝุ่นสูง ก่อนออกจากบ้านต้องสวมหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นที่เหมาะสม สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวควรเตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อม และควรติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศอย่างใกล้ชิดก่อนออกจากบ้าน ด้วยการดูค่า PM2.5 หรือค่า AQI ได้ที่เว็บไซต์ air4thai.pcd.go.th หรือแอพพลิเคชั่น “Air4Thai” ของกรมควบคุมมลพิษ โดยให้สังเกตที่สีเป็นหลัก หากเป็นสีส้มและสีแดง ซึ่งเป็นค่าฝุ่นละอองที่เกินมาตรฐานและมีผลกระทบต่อสุขภาพ ควรปฏิบัติตนตามคำแนะนำของหน่วยงานภาครัฐอย่างเคร่งครัด

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image