เปิดไทม์ไลน์ทหารเกาหลีติดโควิด-19 สธ.ยังไม่สรุปแพร่จากไหน ยันระยองเสี่ยงต่ำ
วันนี้ (11 พฤศจิกายน 2563) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พญ.วลัยรัตน์ ไชยฟู ผู้อำนวยการการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค แถลงความคืบหน้ากรณีตรวจพบทหารชาวเกาหลีใต้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจฝึกและเดินทางออกจากประเทศไทย
พญ.วลัยรัตน์ กล่าวว่า การประชุมวางแผนขั้นสุดท้ายการฝึกผสมทหารคอบร้าโกลด์ 21 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-5 พฤศจิกายน 2563 ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ทหารผู้เข้าร่วมการประชุม 202 นาย เป็นทหารชาวต่างชาติ 25 นาย ได้แก่ สหรัฐอเมริกา 12 นาย สาธารณรัฐเกาหลี 5 นาย อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย ประเทศละ 2 นาย และสิงคโปร์ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย ประเทศละ 1 นาย และมีทหารไทยรวม 177 นาย โดยกิจกรรมส่วนใหญ่อยู่ในห้องประชุม และแบ่งกลุ่มประชุม 5 กลุ่มย่อย กลุ่มละ 40 นาย นอกจากนี้ทหารแต่ละนายจะมีการรับประทานอาหารในรูปแบบบุฟเฟต์ในมื้อกลางวันและเย็นร่วมกัน
“ทหารที่มาจากต่างชาติ 25 นาย ก่อนเข้าประเทศจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนด คือ ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนเข้าประเทศ ได้รับการกักตัวในสถานกักกันทางเลือก (Alternative State Quarantine) ในกรุงเทพมหานคร เป็นเวลา 14 วัน และผ่านการตรวจหาเชื้อ 2 ครั้ง โดยไม่พบการติดเชื้อทุกนาย” พญ.วลัยรัตน์ กล่าว
พญ.วลัยรัตน์ กล่าวว่า สำหรับทหารเกาหลีรายดังกล่าว เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน สถานเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ประจำประเทศไทยได้แจ้งกับกรมควบคุมโรค ว่า หลังจากที่นายทหารกลับประเทศไป ได้ทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ที่สนามบินอินชอน เกาหลีใต้ ผลพบว่า มีเชื้อโควิด-19
“โดยไทม์ไลน์นายทหารรายดังกล่าวขณะเข้าประเทศไทย เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม เดินทางถึงไทย มีรถรับจ้างจากโรงแรมกักกันโรค (ASQ) มารับเพื่อเข้ารับการกักตัว ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม – วันที่ 1 พฤศจิกายน ตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด-19 จำนวน 2 ครั้ง คือ วันที่ 22 และ วันที่ 29 ตุลาคม ผลตรวจไม่พบเชื้อ หลังจากครบกำหนดกักตัวแล้ว ได้เดินทางไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท โดยมีรถจากกองอำนวยการฝึกไปรับ รับประทานอาหารเย็นในร้านอาหาร ซึ่งตามหลักแล้ว หากครบการกักกันโรคเมื่อออกมาแล้วก็สามารถปฏิบัติตัวเหมือนคนไทยในประเทศได้ แต่จะต้องยึดหลักการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างและล้างมือบ่อยๆ” ผู้อำนวยการการกองระบาดวิทยา กล่าว
พญ.วลัยรัตน์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน มีรถตู้รับจ้างไปรับจากโรงแรมในสุขุมวิทเดินทางไปพักในโรงแรมที่ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง นอนพักห้องละ 2 นาย ทหารรายนี้ได้เข้าพักและไม่ได้ออกจากโรงแรมเลย เพราะมีการฝึกในระหว่างวันที่ 3-5 พฤศจิกายน อย่างไรก็ตาม การฝึกจะมีการฝึกร่วมกันทั้งทหารไทยและต่างชาติ หลังจากฝึกแล้ว เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน เดินทางกลับโดยมีรถรับจ้างจากสถานทูตไปรับและส่งที่โรงแรมย่านสุขุมวิท ขณะนี้กำลังตรวจสอบว่า เป็นโรงแรมเดียวกันกับที่พักในครั้งแรกหรือไม่ เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พักอยู่ที่โรงแรม ต่อมาเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน เดืนทางโดยรถตู้ของสถานทูตไปสนามบินสุวรรณภูมิและได้เดินทางกลับประเทศ
“เพื่อสร้างความเข้าใจและไม่ตระหนกของประชาชน โดยสรุปแล้ว นายทหารทุกนายรวมถึงนายที่ติดเชื้อได้เข้ากักตัว ปฏิบัติตามขั้นตอนเข้าประเทศไทย และหลังจากออกจากสถานกักกันก็สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ และไม่มีการแพร่เชื้อไปให้ผู้อื่น ทีมสอบสวนโรคทั้งส่วนกลางและภูมิภาค สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร (กทม.) เข้าสอบสวนโรคโรงแรมกักตัวที่ทหารนายนี้เข้าพัก รวมถึงโรงแรมที่จัดประชุมและติดตามทหารคนไทยที่เข้าประชุมร่วมกัน อยู่ระหว่างส่งตรวจเชื้อโควิด-19 และกำลังรวบรวมว่าตรวจไปกี่นายแล้ว โดยทุกนายอยู่ในการกักตัวแล้ว ส่วนนายทหารต่างชาตินั้นจะแจ้งรายชื่อกลับไปยังประเทศต้นทางตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ” พญ.วลัยรัตน์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายทหารที่ตรวจพบเชื้อโควิด-19 เข้าพักร่วมห้องกับทหารรายใด พญ.วลัยรัตน์ กล่าวว่า เข้าพักกับนายทหารชาวเกาหลีใต้เป็นเพื่อนที่เดินทางมาด้วยกัน ซึ่งตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19 โดยพบการติดเชื้อเพียง 1 ราย
เมื่อถามต่อว่า กรณีนี้เป็นการติดเชื้อประเทศหรือไม่ พญ.วลัยรัตน์ กล่าวว่า อยู่ในระหว่างการสอบสวนโรค ซึ่งกำลังขอผลการตรวจจากประเทศเกาหลีว่า เป็นการติดเชื้อในช่วงที่อยู่ในประเทศไทยหรือเป็นการที่เคยติดเชื้อมาก่อนหน้า อยู่ในระหว่างการประสานงาน
“สันนิษฐานได้อยู่ 2-3 ส่วน คือ ติดเชื้อจากประเทศเกาหลี ติดเชื้อระหว่างพักในสถานกักกันโรค หรือถามว่าเป็นติดเชื้อในช่วงฝึกหรือไม่นั้น จากที่ประเทศไทยที่ข้อมูล ยังไม่พบการติดเชื้อหลังออกจากสถานกักกันโรค ยกเว้นกรณีของหญิงชาวฝรั่งเศส อย่างไรก็ตาม จะต้องรอผลการตรวจจากประเทศเกาหลีใต้ก่อน ยังคงไม่สรุปในวันนี้ และอยู่ในระหว่างการรวบรวมจำนวนผู้สัมผัส เนื่องจากมีหลายส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งใน จ.ระยอง ในโรงแรมที่กรุงเทพฯ ที่เข้าพักกักตัว แต่หากผ่านการกักตัวแล้ว คิดว่าใน จ.ระยอง ไม่น่าเสี่ยงเลย เพราะ ผลตรวจทหารนายอื่นไม่พบเชื้อทุกราย แต่เพื่อให้ครบถ้วนในการสอบสวนโรค ก็จะต้องหาผู้สัมผัสรายอื่นต่อไป แต่ข้อมูลคือเขามาเพื่อฝึก เลยไม่ได้ออกไปไหน” พญ.วลัยรัตน์ กล่าว
ทั้งนี้ พญ.วลัยรัตน์ กล่าวว่า นายทหารที่เป็นคนไทยที่ได้เข้าฝึกได้เข้ารับการกักตัวแล้วทุกนาย และในบางส่วนได้ทำการตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลในหน่วยของตนเอง และบางส่วนเก็บเชื้อมาส่งตรวจที่สำนักงานป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) และอยู่ระหว่างรอฝึก