ผวา! สธ. เปิดไทม์ไลน์ผู้ป่วยโควิดใหม่ 6 ราย มีเที่ยวงานสิงห์ปาร์ค นั่งเครื่องบินเข้า กทม.

โควิด

ผวา! สธ. เปิดไทม์ไลน์ผู้ป่วยโควิดใหม่ 6 ราย มีเที่ยวงานสิงห์ปาร์ค นั่งเครื่องบินเข้า กทม.

โควิด – วันนี้ (2 ธันวาคม) ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และ นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป แถลงข่าวความคืบหน้าการสอบสวนโรคและการตรวจหาเชื้อผู้สัมผัสใกล้ชิดกรณีการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในประเทศไทย

นพ.โสภณกล่าวว่า ทีมปฏิบัติการสอบสวนโรคในพื้นที่ พร้อมด้วยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา พิจิตร ราชบุรี กรุงเทพมหานคร (กทม.) และกรมควบคุมโรค ได้ดำเนินการสอบสวนโรคและนำข้อมูลนำเสนอเพิ่มเติมในวันนี้ ทบทวนผู้ติดเชื้อรายเดิม 4 ราย พบที่ จ.เชียงใหม่ 1 ราย และเชียงราย 3 ราย มีอาการในเกณฑ์ที่ดี มี 1 ใน 3 รายไม่มีอาการ ทั้งนี้ จากการค้นหาผู้สัมผัสเพิ่มเติมทำให้พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 6 ราย ซึ่งกระจายอยู่ใน 4 จังหวัด คือ จ.เชียงใหม่ 2 ราย พะเยา พิจิตร ราชบุรี และ กทม. จังหวัดละ 1 ราย

นพ.โสภณกล่าวว่า ไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ ทั้ง 6 ราย ดังนี้

รายที่ 1 (ผู้ลักลอบที่ 5) หญิงไทย อายุ 28 ปี พบที่ จ.พะเยา ทำงานอยู่ในสถานบันเทิงวันจีวัน  ใน จ.ท่าขี้เหล็ก ในประเทศเมียนมา เช่นเดียวกัน

Advertisement

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน เดินทางกลับมาจากเมียนมาโดยเส้นทางธรรมชาติ

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน เพื่อนขับรถมอเตอร์ไซค์มาส่งที่ปากซอยโลตัสแม่สาย เหมาแท็กซี่สีแดงขาว จำทะเบียนไม่ได้มาส่งที่เมืองเชียงราย โดยสวมหน้ากากทั้งคู่ต่อมาเวลา
เวลา 15.00 น. พักห้องเช่าของเพื่อนชั้น 2 ของตึกแถวหลังห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีเชียงราย อาศัยอยู่คนเดียว
เวลา 21.00 น. ออกไปซื้ออาหารเย็นที่ร้านค้าในตัวเมืองเพื่อมากินที่ห้อง โดยสวมหน้ากากอนามัย

เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ช่วงเช้าถึงบ่ายไม่ได้ออกจากห้องพัก ส่วนตอนเย็นแฟนขับรถยนต์ส่วนตัวจาก จ.พะเยา มารับไปเที่ยวงานสิงห์ปาร์ค จ.เชียงราย
เวลา 20.00 น. จอดรถโซน C26 นั่งรถสองแถวเข้างาน นั่งโต๊ะบริเวณลานเบียร์ ซึ่งซื้อเบียร์และอาหารไปรับประทาน ไม่ได้เข้าร่วมบริเวณหน้าเวที โดยสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลายกเว้นตอนดื่มเบียร์
เวลา 23.00 น. กลับเข้าห้องเช่าของเพื่อนนั่งดื่มเบียร์ต่อ
เวลา 24.00 น. ออกไปพักโรงแรมฮ็อปอินน์ (Hop Inn) ในตัวเมือง

Advertisement

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน
เวลา 12.00 น. ออกจากโรงแรม Hop inn หลังจากนั้นรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารบริเวณข้างทาง แวะร้านสะดวกซื้อ 7-11 ปั๊ม ปตท. อ.แม่สรวย

หลังจากนั้นเดินทางไป จ.เชียงใหม่ โดยใช้เส้นทางเชียงราย-เวียงป่าเป้า-แม่ขะจาน
เวลา 17.00 น. เข้ารับการตรวจเชื้อที่ รพ.เอกชน ใน จ.เชียงใหม่
ต่อมาเดินทางกลับ จ.พะเยา โดยรถยนต์ส่วนตัวกับแฟน แวะปั๊ม ปตท.แม่ขะจาน เพื่อเข้าห้องน้ำ
เวลา 24.00 น. เข้ารับการรักษาใน รพ.พะเยา

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม รับแจ้งจาก รพ.เอกชน จ.เชียงใหม่ ตรวจพบ SARS-CoV-2 หลังจากนั้นทีมสอบสวนโรค สสจ.พะเยา สอบส่วนควบคุมโรค ผลตรวจที่ รพ.พะเยา ยืนยันตรวจพบเชื้อเช่นกัน

รายที่ 2 (ผู้ลักลอบที่ 6) หญิงไทยอายุ 21 ปี ใน กทม. เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน เริ่มมีอาการป่วยด้วยไข้ เจ็บคอ มีน้ำมูก และตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน

เมื่อวันที่ 17-21 พฤศจิกายน ไปเที่ยวที่วันจีวัน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา พร้อมเพื่อนสนิทที่อาศัยอยู่ จ.พิจิตร

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน
เวลา 05.00 น. เดินทางเข้าประเทศไทย ผ่านช่องทางธรรมชาติ อ.แม่สาย จ.เชียงราย
เวลา 06.00 น. มีมอเตอร์ไซค์รับจ้าง มารับไปส่งโรงแรมที่พักใน อ.แม่สาย ต่อมาเริ่มมีอาการไข้ เจ็บคอ น้ำมูก หลังจากนั้นเรียกรถ grab ไปส่งที่สนามบินเชียงราย
เวลา 13.40 น. ขึ้นเครื่องบินไฟลต์ DD8717 ลงสนามบินดอนเมือง

เวลา 17.00 น. นั่งแท็กซี่จากสนามบินกลับที่พัก

เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน
เวลา 16.30 น. ไปตรวจที่คลินิกแพทย์ และได้รับคำแนะนำให้ไปที่ รพ.
เวลา 17.00 น. นั่งรถยนต์ส่วนตัวมากับแฟน เพื่อมาตรวจที่ รพ.เอกชน ผลตรวจพบเชื้อ SAR-CoV-2 N 15.53 ORF1ab 15.54

รายที่ 3 (ผู้ลักลอบที่ 7) หญิงไทย อายุ 25 ปี ที่ จ.พิจิตร ไม่มีอาการป่วย ตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม
เมื่อวันที่ 17-27 พฤศจิกายน ไปเที่ยวโรงแรมวันจีวัน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา พร้อมเพื่อนสนิทที่อาศัยอยู่ กทม.

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน
เวลา 05.00 น. เดินทางเข้ามาประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ อ.แม่สาย จ.เชียงราย
เวลา 06.00 น. มีรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างมารับไปส่งที่โรงแรมในที่พัก อ.แม่สาย ต่อมาเริ่มมีไข้ เจ็บคอ น้ำมูก หลังจากนั้นเรียกรถ Grab ไปส่งที่สนามบินเชียงราย

เวลา 13.40 น. ขึ้นเครื่องบินไฟลต์ DD 8717 ลงสนามบินดอนเมือง
เวลา 15.00 น. ต่อเครื่องบินไปลงสนามบินพิษณุโลกมีเพื่อนมารับจากสนามบิน กลับ จ.พิจิตร โดยพักอาศัยกับเพื่อนที่มารับ และไปกินอาหารร้าน Bird bar ใน จ.พิจิตร กับเพื่อน 4 คน โดยไม่สวมหน้ากากอนามัย

เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน
ช่วงเช้ากินก๋วยเตี๋ยวที่หน้าปากซอยหอพัก ช่วงเย็นไปร้าน Bird Bar จ.พิจิตร ต่อด้วยร้าน Crocodile rock pub จ.พิจิตร

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ไปทำเล็บ ช่องกลางวันสั่ง Grab มารับประทาน ช่วงเย็นไปร้าน Bird Bar จ.พิจิตร ต่อด้วยร้าน Crocodile rock pub จ.พิจิตร

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม สสจ.พิจิตรเก็บตัวอย่างส่งตรวจ นำไปกักกันที่สถานกักกันโรคท้องถิ่น (Local Quarantine) ผลตรวจพบเชื้อ SAR-CoV-19

รายที่ 4 (ผู้ลักลอบที่ 8) หญิงไทย อายุ 36 ปี ใน จ.ราชบุรี เริ่มป่วยเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน มีอาการไอ เจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้อ มีน้ำมูก เสมหะ และปวดศีรษะ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ตรวจพบเชื้อ SARS-CoV-2

เมื่อวันที่ 3-8 พฤศจิกายน อยู่ประเทศเมียนมา มีประวัติไปเที่ยวสถานบันเทิงวันจีวัน ใน จ.ท่าขี้เหล็ก ระหว่างวันที่ 23-24 พฤศจิกายน โดยในงานพบกับผู้ที่มีผลการตรวจพบเชื้อยันยืนรายก่อนหน้า แต่รายนี้ให้ประวัติว่าอยู่คนละกลุ่มและคนละห้อง แต่สังเกตว่าเพื่อนร่วมห้อง 1 ราย เริ่มมีอาการไข้ หนาวสั่น ไอ มีน้ำมูก ต่อมาเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ตนเริ่มมีอาการป่วยและได้ซื้อยามารับประทานเอง

เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน เดินทางกลับไทย โดยช่องทางธรรมชาติมีชาวเมียนมาเป็นผู้นำทาง หลังจากนั้นเดินทางจากชายแดนไปสนามบินเชียงใหม่ด้วยรถยนต์ของเพื่อนพร้อมแฟนของเพื่อน ทั้งคู่ไม่สวมหน้ากาก นั่งเครื่องบินจากเชียงใหม่สายการบิน Thai Lion Air

เวลา 12.00 น. ถึงสนามบินดอนเมืองและใช้บริการแท็กซี่ไปยังสถานีขนส่งหมอชิต หลังจากนั้นใช้บริการรถตู้ไปลงที่ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีราชบุรี และใช้บริการรถจักรยานยนต์รับจ้างต่อไป เพื่อตรวจรักษาที่ รพ.เอกชน

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม เพื่อนที่ไปร่วมงานเลี้ยงด้วยกันส่งข่าวผลตรวจว่าพบเชื้อ SARS-CoV-2 แพทย์จึงส่งตรวจหาเชื้อเช่นกัน หลังจากนั้นผู้ป่วยถูกส่งต่อไปยัง รพ.ราชบุรี

เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ผลตรวจพบเชื้อ SAR-CoV-2 ที่ รพ.ราชบุรี ส่งตรวจยืนยันผลที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 5 สมุทรสงคราม
หลังจากนั้นทีมสอบสวนโรค รพ.ราชบุรี ดำเนินการสอบสวนและควบคุมโรคทันที

รายที่ 5-6 (ผู้ลักลอบที่ 9-10) หญิงไทย อายุ 23 และ 25 ปี ใน จ.เชียงใหม่ เมื่อมีข่าวพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ ที่มาจากสถานบันเทิงวันจีวัน จ.ท่าขี้เหล็ก เมียนมา ที่ตนทำงานอยู่ร่วมกันจึงเข้ามารับการตรวจหาเชื้อ

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน เดินทางกลับเข้าประเทศไทย พร้อมเพื่อนรวม 3 ราย และค้างที่บ้านเพื่อนใน อ.แม่สาย จ.เชียงราย และได้เดินทางกลับมาที่พักโดยให้ประวัติว่า อยู่ในที่พัก หลังจากนั้นได้ข่าวว่ามีผู้ติดเชื้อจากที่ทำงานเดียวกัน ทั้งคู่จึงเดินทางไปเข้ารับการตรวจที่ รพ.เอกชน เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ผลการตรวจพบเชื้อ โดยขณะนี้อยู่ในการดูแลของแพทย์ที่ รพ.นครพิงค์ จ.เชียงใหม่ ส่วนเพื่อนที่เดินทางมาด้วยกันอีก 1 รายไม่ติดเชื้อ แต่อยู่ในระหว่างการกักกันโรคเช่นเดียวกัน

“ในรายละเอียดของผู้ป่วย 3 รายล่าสุด ทีมสอบสวนโรคกำลังเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้ยังขาดข้อมูลบางส่วน แต่เพื่อให้ประชาชนรับทราบถึงความพยายามของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายปกครองและอื่นๆ ที่ดำเนินการสอบสวนและค้นหาผู้สัมผัสอย่างรวดเร็ว จะเห็นว่าเหตุการณ์นี้เริ่มต้นเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ถึงขณะนี้ยังไม่ถึง 1 สัปดาห์ แต่มีการติดตามผู้สัมผัสทางที่มีอาการและไม่มีอาการ เข้ารับการตรวจและอยู่ในระหว่างการกักกันโรคและรักษาพยาบาลแล้ว” นพ.โสภณกล่าว

นพ.ธงชัยกล่าวว่า ขณะนี้เราได้ติดตามกลุ่มผู้แอบลักลอบเข้ามาได้แล้วและมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 พร้อมทั้งกักตัวผู้นั้นในโรงพยาบาลแล้ว ภาพรวมอาการอยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยส่วนของผู้ที่เป็นกลุ่มผู้ที่ไปสัมผัส ทั้งกลุ่มเสี่ยงสูง เสี่ยงกลาง และเสี่ยงต่ำ ได้ทำการตรวจหาเชื้อหมดทุกรายแล้ว สรุปได้ว่า ยังไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากคนกลุ่มผู้ที่ลักลอบเข้ามา และยังไม่มีการติดเชื้อภายในประเทศไทย ทั้งนี้ การตรวจพบผู้ป่วยรายใหม่เป็นการนำเชื้อเข้ามาจากต่างประเทศเมียนมา ขอให้ประชาชนมั่นใจในระบบการควบคุมป้องกันโรคของ สธ. ว่ามีอุปกรณ์ เครื่องมือ ยา ความพร้อมและสิ่งสำคัญเรื่ององค์ความรู้และประสบการณ์ในการดูแลป้องกันโควิด-19 เนื่องจากขณะนี้เรามีประสบการณ์มาก และเป็นอันดับ 1 ของโลกในการควบคุมป้องกันโควิด-19

“สธ.มั่นใจมากว่าจะไม่เกิดการระบาดหนักอย่างเช่นในต้นปี เนื่องจากเรามีองค์ความรู้ในการดูแลผู้ป่วยมากกว่าในช่วงแรก แต่ขอความร่วมมือกับประชาชนในการป้องกันตนเอง เนื่องจากมีการที่คนไทยลักลอบเข้ามา และแตกต่างจากการที่ชาวต่างชาติที่มาโดยเครื่องบิน แบบนี้เราไม่น่าเป็นห่วงเพราะเป็นการเข้ามาอย่างถูกต้องและเข้าสู่ระบบกักกัน 14 วัน มีการตรวจอย่างชัดเจน แต่อันนี้เป็นคนไทยที่มาตามแนวชายแดน และเมื่อเข้ามาแล้วจะต้องทำการตรวจหาเชื้อในผู้อื่นอีกจำนวนมากซึ่งทำให้เสียงบประมาณอย่างมาก” นพ.ธงชัยกล่าว

นพ.ธงชัยกล่าวอีกว่า การลักลอบเข้าเมืองนั้นผิดกฎหมายไม่น้อย 3 ฉบับ คือ 1.พ.ร.บ.คนเข้าเมือง เป็น การเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย 2.พ.ร.บ.โรคติดต่อ และ 3.พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ดังนั้น ผู้ที่อยู่ต่างประเทศแล้วจะเข้ามาจะต้องเข้ามาอย่างถูกกฎหมาย ดำเนินการตามขั้นตอนผ่านด่านการควบคุมโรค และรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ ห้ามเข้ามาในช่องทางธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เดินทางเข้ามาแล้วจะต้องขอให้เข้ามารายงานตัวโดยด่วน เพื่อควบคุมและป้องกันโรคในประเทศ

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image