สกู๊ปหน้า 1 : ปรับแผนล้อมคอก สกัดแพร่ ‘โควิด-19’

การแพร่ระบาดของ ไวรัสโควิด-19 ในประเทศ กลายเป็นกระแสความกังวลของคนไทยขึ้นมาอีกครั้ง หลังหญิงสาวชาวไทย 3 รายที่ลักลอบเข้าไทยผ่านช่องทางธรรมชาติจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามายังฝั่งไทยที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดย 2 รายแรก ได้เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ใน จ.เชียงราย ส่วนอีก 1 รายได้เดินทางไปเที่ยวและพักที่ จ.เชียงใหม่

เหตุลักลอบเข้าไทยทางช่องทางธรรมชาติตามแนวชายแดนไทยประเทศเพื่อนบ้านดังกล่าว กลายเป็นปัญหาที่หลายคนกังวลว่าจะเป็นจุดอ่อนทำให้เกิดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เข้ามาในประเทศ โดยเฉพาะชายแดนไทยที่ติดกับประเทศเมียนมาที่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อใกล้ทะลุ 1 แสนราย

ประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ในฐานะคณะกรรมการป้องกันโรคติดต่อ จ.เชียงราย กล่าวว่า การแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 เข้ามายังฝั่งไทยหลังใน จ.ท่าขี้เหล็ก เป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย เชียงรายมีพรมแดนติดกับเมียนมาเป็นระยะทางกว่า 130 กิโลเมตร มีเพียงลำน้ำและสันเขาเป็นเส้นกั้นเขตแดน ทำให้คนลักลอบเข้าออกประเทศได้โดยง่าย แม้เจ้าหน้าที่จะพยายามกดดันและสกัดกั้นทุกวิถีทางก็ตาม สิ่งที่ต้องคำนึงในตอนนี้คือการควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อที่ติดมากับหญิงสาวทั้ง 3 ราย ว่าไปแพร่สู่ใครบ้างแล้ว ทางจังหวัดได้ประสานให้สาธารณสุขเชียงรายทำการเอกซเรย์กลุ่มคนและพื้นที่ทั้งหมด เพื่อควบคุมและตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงออกมา

ส่วนมาตรการป้องกันบุคคลที่อาจลักลอบมาอีกเพราะเชื่อว่ายังมีคนไทยอีกจำนวนมากที่หนีไปทำงานใน จ.ท่าขี้เหล็ก มีความพยายามกลับประเทศเพื่อหนีการแพร่ระบาด โดยประสานทางทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมืองทำการบล็อกตลอดแนวชายแดน การขึงลวดหนาม ติดตั้งไฟส่องสว่าง กล้องวงจรปิด และเพิ่มความถี่และกำลังเจ้าหน้าที่ในการลาดตระเวน

Advertisement

“ยอมรับว่าการสกัดกั้นทำได้ค่อนข้างยาก ด้วยสภาพพื้นที่และกลุ่มบุคคลที่คอยนำพาบุคคลเหล่านี้เข้าประเทศ แต่ทุกหน่วยก็ทำอย่างเต็มที่ โดยเพิ่มมาตรการประสานความร่วมมือระหว่างคณะกรรมการประสานงานชายแดนส่วนท้องถิ่นหรือทีบีซี ตรวจหาคนไทยที่ต้องการกลับประเทศให้กลับมาตามช่องทางที่กำหนดเพื่อเข้าระบบในการคัดกรองตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมโรคเพื่อความปลอดภัยของทั้งตัวบุคคลและคนใกล้ที่อาจใกล้ชิด ยังเปิดโอกาสที่ให้คนไทยที่ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมายในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมาประสานไปยัง อสม.หรือผู้นำหมู่บ้าน หรือ รพ.สต. เพื่อรับคำแนะนำและตรวจคัดกรองด้วย สิ่งสำคัญอยากให้ประชาชนเป็นหูเป็นตาช่วยเหลือเจ้าหน้าที่สอดส่องดูแลบุคคลข้ามแดนหรือพบเห็นบุคคลเสี่ยงที่อาจนำเชื้อมาแพร่กระจายได้” ผู้ว่าฯเชียงรายระบุ

จากข้อมูลของฝ่ายความมั่นคงนั้นพบว่าในพื้นที่ชายแดนเชียงรายติดกับประเทศเมียนมา ระยะทางยาวตั้งแต่ อ.แม่ฟ้าหลวง แม่จัน แม่สายไปถึง อ.เชียงแสน 130 กิโลเมตร แยกเป็นแนวภูเขา 100 กิโลเมตร แนวแม่น้ำสาย 10 กิโลเมตร และแนวแม่น้ำรวก 20 กิโลเมตร มีเพียงสันเขาเป็นเส้นเขตแดนทำให้ง่ายต่อการเดินทางข้ามไปมา และจุดแม่น้ำสายแม่น้ำรวกก็แคบและช่วงฤดูแล้งจะตื้นเขินทำให้สามารถเดินทางข้ามไปมาได้ตลอดแนว จุดเสี่ยงในการลักลอบข้ามแดนทางช่องทางธรรมชาติจะอยู่บริเวณบ้านผาแตก บ้านสายลมจอย ท่ากระหล่ำ ท่าเกาะทราย ท่าปางห้า แม้ปัจจุบันมีติดตั้งไฟส่องสว่าง กล้องวงจรปิดและขึงลวดหนาม แต่ก็ยังมีขบวนการเครือข่ายรับจ้างนำพาคนลักลอบข้ามแดนมายังฝั่งไทย

ขณะที่สถานการณ์การระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ในประเทศเมียนมาที่ไม่สามารถควบคุมได้ ยังมีผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นแทบทุกวัน ทำให้หน่วยงานสาธารณสุข และฝ่ายความมั่นคงของไทยตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน จ.ตาก ต้องวางมาตรการเข้มข้นในการสกัดกั้นไม่ให้ชาวเมียนมาลักลอบเข้าเมืองมาในฝั่งประเทศไทย มีการปิดชายแดนทุกช่องทางทั้งหมดไม่ให้คนเมียนมา คนไทย และคนต่างชาติข้ามไปมา ยกเว้นรถยนต์บรรทุกสินค้าที่วิ่งเข้ามารับส่งสินค้าได้เฉพาะพื้นที่ที่กำหนดไว้ เช่น ด่านพรมแดนไทย-เมียนมา 2 (แม่สอด-เมียวดี) บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 บ้านวังตะเคียนใต้ ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด ณ จุดนี้ ถือว่า มีการเข้า-ออกเป็นระบบ จัดพื้นที่มีการตรวจคัดกรอง ทั้งพนักงานขับรถยนต์ทั้งฝ่ายไทย และฝ่ายเมียนมา มีการเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งไปตรวจทุกวัน จึงไม่น่าห่วงเท่าใดนัก

ส่วนด่านพรมแดนไทยเมียนมา-แม่สอด จ.ตาก เป็นอีกจุดที่มีการเฝ้าระวัง การลักลอบข้ามแดน สิ่งที่น่าห่วงที่สุดคือ การลักลอบข้ามแดนเข้ามาตามท่าขนส่งสินค้า และท่าข้ามทางธรรมชาติ ซึ่งมีทั้งคนจีน เมียนมา และชาวไทย

จากข้อมูลของฝ่ายความมั่นคงจังหวัดตาก ระบุว่า มีบ่อนกาสิโนในฝั่งประเทศเมียนมา ตรงข้าม 5 อำเภอชายแดน ของจังหวัดตาก ทั้งหมด 12 แห่ง มีพนักงานคนไทย จีน และชาวเมียนมาจำนวนมาก แต่ที่มักจะข้ามไปมา เป็นชาวไทยกับชาวจีน และมีการถูกจับบ่อยครั้ง ที่สำคัญการข้ามแดนจากจังหวัดเมียวดี ที่มีผู้ป่วยด้วยโรคไวรัสโควิด-19 สะสมจำนวน 123 ราย การไปมาข้ามแม่น้ำเมยของคนไทย และชาวจีน จึงมีความเสี่ยงสูงมาก ที่นำเชื้อไวรัสโควิด-19 เข้ามา เพราะคนเหล่านี้ ข้ามไปมาผิดกฎหมายอยู่แล้ว จึงไม่ยอมรับการกักตัว เว้นแต่การถูกจับกุมเท่านั้น

พงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก กล่าวว่า ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา อย่างต่อเนื่อง หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ข้ามมาจากชายแดนไทย-เมียนมา จังหวัดได้สั่งการให้นายอำเภอในพื้นที่ 5 อำเภอชายแดนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งชุดซุ่มตรวจเฝ้าระวัง ชุดหาข่าว ชุดลาดตระเวนตามแนวชายแดน และในหมู่บ้าน รวมทั้งตั้งจุดสกัดในพื้นที่ทุกอำเภอ จับกุมผู้ลักลอบข้ามไปมา “ผมขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ 5 อำเภอชายแดนเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่หรือพบคนแปลกหน้าแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที นอกจากนี้ เราขอให้ญาติพี่น้องแรงงานไทยที่ทำงานในฝั่งเมียวดี ช่วยแจ้งญาติพี่น้อง ลูกหลานที่ทำงานในฝั่งเมียนมาว่า ถ้าจะกลับมาประเทศไทย ให้ติดต่อสถานทูตไทยในประเทศเมียนมาได้และกลับมาเข้าสู่กระบวนการกักตัว 14 วัน ทางการพร้อมตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้ ทั้งก่อนและหลังกักตัว

การลักลอบเข้าไทยตามแนวพรมแดนเป็นจุดอ่อนที่จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดในประเทศไทยได้ การปรับแผนและมาตรการต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญที่จะสกัดกั้นโควิดที่ยังระบาดในประเทศเพื่อนบ้าน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image