หมอชี้หนาวนี้ยังเที่ยวได้ ไม่น่าห่วง ‘โควิด’ ย้ำเข้มป้องกัน – ถ้า 14 วันไม่พบป่วยเพิ่มถือว่าสงบ
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ที่ กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ของประเทศไทย ที่กำลังเข้าสู่ฤดูหนาว ทำให้ประชาชนเกิดความกังวล เนื่องจากเป็นฤดูของการท่องเที่ยว ที่จะทำให้มีการรวมตัวกันของคนจำนวนมากในภาคเหนือของไทย รวมถึงในภาคใต้ที่มีบางพื้นที่มีอุทกภัย ประชาชนถึงเป็นห่วงว่าจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคไวรัสโคโรนา2019 หรือ โควิด-19 มากขึ้นหรือไม่ ว่า
ในกรณีของการน้ำท่วมไม่น่าเป็นห่วง เพราะ ต่างคนต่างอยู่ แต่หากเป็นอากาศเย็นสำหรับเมืองไทย เชื้อโรคอาจอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานขึ้น แต่ที่ที่มีแดดส่องถึงก็ไม่เป็นความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เพราะประเทศไทยไม่ได้หนาวเย็นเหมือนประเทศฝั่งยุโรปหรืออเมริการ และไม่ได้หนาวถึงขั้นจะต้องเข้ามาอยู่รวมกันในห้องเพื่อเปิดเครื่องฮีทเตอร์ ที่มีการแลกเปลี่ยนลมภายในห้อง ดังนั้น จึงไม่น่าเป็นห่วง แต่อากาศเย็นของไทยจะทำให้เราปิดแอร์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี แต่เชื้ออาจจะอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานขึ้นเล็กน้อย แต่เมื่อหักลบกันแล้วไม่ได้ทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับประเทศแถบหนาว
“คนไทยยังสามารถไปท่องเที่ยวได้ คำแนะนำที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการไปท่องเที่ยวคือการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง ไม่เข้าที่พื้นที่แออัด หรือที่มีคนจำนวนมาก” นพ.โสภณ กล่าว
เมื่อถามว่ามีการคาดการณ์ว่าจะควบคุมสถานการณ์พบผู้ป่วยโควิด-19 ครั้งนี้หรือไม่ นพ.โสภณ กล่าวว่า หากนับจากการพบผู้ติดเชื้อรายล่าสุด แล้วไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ ติดต่อกัน 14 วัน ก็จะค่อนข้างเบาใจได้ และหากไม่พบอีก 28 วัน ก็จะถือว่าเหตุการณ์สงบลง ขณะนี้เหตุการณ์ล่าสุด จะเริ่มนับจากผู้ป่วยชายไทย อายุ 29 ปี ที่ จ.เชียงราย และ อาจจะต้องนับหญิงไทย อายุ 51 ปี จ.สิงห์บุรี แต่รายนี้เรายังไม่รู้ว่าเขาข้ามไปที่ต่างประเทศด้วยหรือไม่ เลยจะต้องหาข้อมูลที่มากกว่านี้ แต่บื้องต้นคาดว่าน่าจะเกิดการติดในประเทศ อย่างไรก็ตามทั้ง 2 ราย เริ่มมีอาการป่วยพร้อม ๆ กัน ก็สามารถเริ่มนับได้จากการพบผู้ป่วยรายล่าสุด
“ขณะนี้เรามีการสอบสวนโรคที่รวดเร็ว ใน 24 ชั่วโมง ติดตามได้เยอะแล้ว ระยะที่ปลอดภัย หาก 7 วัน ปัญหาไม่เพิ่มขึ้น ไม่มีเคสใหม่ ก็ถือว่าอยู่ภายใต้การควบคุม หาก 10 วัน ก็ปลอดภัย แต่ถ้า 14 วันก็ถือว่าสงบ” นพ.โสภณ กล่าว
