กทม.ประกาศแล้ว คุมเข้มสถานที่ 4 ประเภท ตามมาตรการเฝ้าระวังโควิด-19
เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ออกประกาศมาตรการเฝ้าระวังโควิด-19 ระบุว่า
ตามที่ได้มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อเป็นการป้องกันและควบคุมจำกัดวงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สมควรกำหนดมาตรการเฝ้าระวังและควบคุมการแพร่ระบาดในกรุงเทพมหานคร โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร จึงกำหนดมาตรการเฝ้าระวังและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ดังต่อไปนี้
1.ให้สถานที่ดังต่อไปนี้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคตามมาตรการป้องกัน และยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคแนบท้ายประกาศนี้
– ตลาด ตลาดน้ำ และตลาตนัด
– สวนสาธารณะ
– วัด มัสยิด หรือสถานที่จัดพิธีกรรมทางศาสนา
– สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอกะ
2.ให้เจ้าของ ผู้จัดการสถานที่ หรือผู้จัดให้มีกิจกรรมใดๆ ทางธุรกิจการคมนาคม มหรสพ สนามกีฬา ที่สาธารณะ หรือแหล่งอื่นๆ ซึ่งมีการรวมกลุ่ม หรือร่วมกิจกรรมลักษณะที่เสี่ยงต่อการใกล้ชิด สัมผัส และแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 จัดให้มีมาตรการป้องกันโรคแก่ผู้ร่วมกิจกรรมนั้นๆ ดังต่อไปนี้
– บริการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย หรือการคัดกรองอาการป่วยในระบบทางเดินหายใจ
– ให้สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า
– อำนวยความสะดวกในการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1 เมตร และจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมมิให้แออัด
– จัดให้มีที่ล้างมือด้วยสบู่ แอลกอฮอล์เจล หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค
– จัดให้มีการเช็ดทำควมสะอาดพื้นผิวสัมผัสของสถานที่ที่เกี่ยวข้องก่อนการทำกิจกรรม รวมทั้งระหว่างและภายหลังการทำกิจกรรมด้วย
– ให้มีการลงทะเบียนก่อนเข้าและออกจากสถานที่และเพิ่มมาตรการใช้แอพพลิเคชั่นที่ทางราชการกำหนด
3.การจัดกิจกรรมขนาดใหญ่ที่มีการชุมนุมคนในพื้นที่ตั้งแต่ 300 คนขึ้นไป ต้องยื่นแผนการจัดงาน และมาตรการควบคุมโรคต่อสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ก่อนจัดงาน
ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามอาจความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ต้องระวางโทษจำคุกเกินไม่สองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามข้อ 1 และข้อ 2 จะถูกสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว
กรุงเทพมหานครขอความร่วมมือให้ทุกคนสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า เมื่อออกจากที่พักอาศัย เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นรีบด่วน หากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรงแก่สาธารณชน หรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ จึงไม่อาจให้คู่กรณีใช้สิทธิโต้แย้งตามมาตรา 30 วรรคสอง (1) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2563 ถึงวันที่ 15 มกราคม 2564 หรือจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
ประกาศ ณ วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ.2563