เมื่อวันที่ 1 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีชาวบ้านหวายกรองหมู่ 2 ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ตื่นตระหนกรถยนต์นำหน้ารถขนผู้ป่วยโควิด เปิดสัญญาณไซเรนดังลั่น ซึ่งเป็นการขนย้ายผู้ป่วยโควิด-19 มากักตัวไว้ที่หอพักอาคารสูง 4 ชั้น ใช้เป็น State Quarantine ช่วงกลางคืนวันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยที่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านในพื้นที่ไม่มีใครทราบเรื่องมาก่อน
น.ส.ผ่องพรรณ เจริญรมย์ กำนัน ตำบลบางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง กล่าวว่า เรื่องการขนย้ายผู้ป่วยโควิดมารักษาอาการที่หอพักแห่งนี้โดยที่ไม่ได้แจ้งให้ชาวบ้านทราบมาก่อน แม้กระทั่งกำนันและผู้ใหญ่บ้านเจ้าของพื้นที่ยังไม่ทราบเรื่องเหมือนกัน จนถูกชาวบ้านโทรมาต่อว่า และเป็นช่วงสถานการณ์โควิดระยองมีผู้ป่วย 279 ราย ถ้ารวมวันนี้ก็อาจจะทะลุ 300 รายก็ได้ ซึ่งต้องรอตรวจสอบข้อมูลที่แน่ชัดอีกครั้ง
น.ส.ผ่องพรรณกล่าวว่า ตอนนี้ใครๆ ก็กลัวโควิด ยิ่งใช้รถนำหน้ารถขนย้ายผู้ป่วย เปิดหวอดังลั่นเหมือนในหนังไล่จับคนร้าย ทำชาวบ้านตกใจกลัว แต่ถ้ามีการแจ้งให้กำนันผู้ใหญ่บ้านทราบก็จะได้ชี้แจงทำความเข้าใจให้ชาวบ้านทราบก่อน ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะอาคารหอพักแห่งนี้เคยใช้เป็นที่กักตัวชาวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาช่วงเกิดการระบาดโควิดครั้งแรกเป็นเวลา 14 วัน ก็ไม่พบว่าชาวบ้านเกิดความไม่พอใจแต่อย่างใด เพราะเจ้าหน้าที่มีมาตรการป้องกันอย่างเข็มงวด ประกอบกับพื้นที่ ต.บางบุตร ยังไม่มีผู้ป่วยโควิดแม้แต่รายเดียว
“ฝากแจ้งผู้ที่เกี่ยวข้อง เมื่อขนผู้ป่วยเข้ามาก็ไม่ต้องเปิดหวอ ไม่ต้องทำให้เอิกเกริกคึกโครม ทำเอาชาวบ้านตื่นตระหนกกันหมด ขนาดกำนันรวมทั้ง ผู้ใหญ่หมู่ 2 เจ้าของพื้นที่ยังไม่รู้เรื่องเลย” น.ส.ผ่องพรรณกล่าว
ด้านนายณรงค์ บริสุทธิ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย กล่าวว่า เรื่องนี้นายดาระไน ยี่ภู่ นายอำเภอบ้านค่าย ทราบเรื่องแล้ว ทว่า ทางอำเภอไม่ได้แจ้งให้ประชาชนทราบ กำนันและผู้ใหญ่ก็ไม่ได้รับแจ้ง เป็นเรื่องจริง และให้ผมเปิดหอกระจายข่าวแจ้งให้ประชาชนทราบว่ามีการขนย้ายผู้ป่วยเข้ามาจริง เพราะต้องมีการขนย้ายผู้ป่วยออกมาจากโรงพยาบาล จะได้ไม่ทำให้รวมกับผู้ป่วยธรรมดา อาจเกิดการแพร่ระบาดได้ จึงมีความจำเป็นต้องขนย้ายเข้ามา ประกอบกับสถานที่แห่งนี้เคยใช้เป็นอาคารรองรับในการกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศช่วงที่เกิดโควิดครั้งแรก เป็นสถานที่ที่ชาวบ้านพอมีความเข้าใจอยู่แล้ว และให้ชี้แจงให้ชาวบ้านทราบอีกว่ามีเจ้าหน้าที่ควบคุมดูแลสถานที่อย่างเข้มงวด เพื่อให้ชาวบ้านเกิดความสบายใจ
“สมมุติว่าถ้ามีชาวบ้านไม่สบายใจไม่ไว้วางใจ และไม่มีไทม์ไลน์ไปที่อื่น ถ้าเกิดมีอาการผิดปกติก็สามารถมาตรวจหาเชื้อได้” ผู้ใหญ่ณรงค์กล่าว
