เมื่อวันที่ 29 มกราคม นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า หลังจากประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดฯ และคณะกรรมการศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จากสถานการณ์ของ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่มีแนวโน้มดีตามลำดับ
นายพัลลภกล่าวว่า ขณะนี้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 หรือ ศบค.ได้ปรับให้ จ.ประจวบคีรีขันธ์ อยู่ในพื้นที่เฝ้าระวังสูง 17 จังหวัด จากเดิมที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด 28 จังหวัด ที่ประชุมได้พิจารณาผ่อนปรนมาตรการต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในพื้นที่และลดผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ
นายพัลลภกล่าวว่า โดยผ่อนผันให้เรือประมงที่แจ้งออกจากต่างจังหวัดสามารถแจ้งเข้าเทียบท่าในเขต จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ ยกเว้นเรือประมงที่มาจากจังหวัดที่พบการระบาดสูง คนประจำเรือและลูกเรือต้องอยู่บนเรือมาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน นับจากวันที่แจ้งออกจากจังหวัดต้นทาง หรือวันที่มีการเปลี่ยนถ่ายสินค้ากลางทะเล หากจะขึ้นฝั่งจะต้องผ่านการตรวจคัดกรองจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
“ผ่อนปรนให้สามารถเปิดกิจการและกิจกรรมที่ก่อนหน้านี้จังหวัดมีคำสั่งให้ปิดได้ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด ยกเว้นบ่อนพนันชนไก่ กัดปลา และการพนันทุกประเภทที่มีใบอนุญาตยังให้ปิดต่อไป ส่วนสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ อนุญาตให้เปิดบริการลูกค้าได้ไม่เกินเวลา 00.00 น. ภายใต้มาตรการสาธารณสุข ขณะที่ร้านอาหารอนุญาตให้ลูกค้านั่งดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในร้านได้ แต่ต้องไม่เกินเวลา 00.00 น.” นายพัลลภกล่าว
นายพัลลภกล่าวว่า ได้ผ่อนผันให้ผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออก สินค้าไทย-เมียนมา สามารถขนส่งสินค้าประเภทแห้งและแช่แข็งผ่านจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขรได้แบบมีเงื่อนไข มีการตรวจคัดกรอง โดยกำหนดจุดขนถ่ายสินค้าที่บริเวณแนวสันแดนช่องทางด่านสิงขร เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์ที่ จ.มะริด ประเทศเมียนมา ไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด 19 รายใหม่เพิ่ม
นายพัลลภกล่าวอีกว่า ส่วนการพิจารณาผ่อนปรนให้เปิดกิจการ จะมีผลบังคับใช้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ หลังจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งจัดทำรายละเอียดข้อปฏิบัติตามมติของที่ประชุม และจะออกประกาศคำสั่งจังหวัดแจ้งให้ประชาชนรับทราบต่อไป
