สธ. ไม่ขอให้ตัวเลขป่วยเป็นศูนย์ แต่ต้องอยู่ระดับที่คุมได้ ฝาก ปชช.เลี่ยงสังสรรค์ก่อน

สธ. ไม่ขอให้ตัวเลขป่วยเป็นศูนย์ แต่ต้องอยู่ในระดับที่คุมได้ ฝาก ปชช.หลีกเลี่ยงงานสังสรรค์ไปก่อน

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ในประเทศไทย ว่า วันนี้ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 836 ราย เป็นการพบในระบบเฝ้าระวังและบริการ 39 ราย การค้นหาเชิงรุกในชุมชน 793 ราย ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกันโรค 4 ราย ทำให้ตัวเลขการระบาดรอบใหม่สะสม 19,618 ราย ใกล้แตะที่ 2 หมื่นรายเข้าไปทุกที

ขณะที่ผู้ป่วยอาการหนัก 16 ราย เป็นผู้ที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ 11 ราย อยู่ในกรุงเทพมหานคร(กทม.) 7 ราย, นครปฐม สมุทปราการ อุบลราชธานี และขอนแก่น จังหวัดละ 1 ราย ด้าน สัดส่วนผู้ติดเชื้อเป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชาย คิดเป็น 1:1.63 เป็นสัญชาติไทย ร้อยละ 32 หรือ 1 ใน 3 ของจำนวนผู้ติดเชื้อ สัญชาติเมียนมาร้อยละ 62.51 กัมพูชาร้อยละ 0.92 และอื่นๆ ร้อยละ 4.54

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า หลังจากมีมาตรการปูพรมค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชนโดยเฉพาะสมุทรสาคร ทำให้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เกิน 700 รายต่อวันมาต่อเนื่อง มีบางวันสูงถึง 959 ราย การค้นหาผู้ติดเชื้อแสดงให้เห็นถึงมาตรการที่เหมาะสมเพื่อจัดที่อยู่ ดูแลสุขภาพผู้ติดเชื้อ ผู้สัมผัสและติดตามว่ามีการขยายวงระบาดเพิ่มเติมหรือไม่ ขณะที่ ผู้ติดเชื้อทั่วโลกสะสมที่ 103.5 ล้านราย เป็นรายใหม่ 395,465 ราย เสียชีวิตสะสม 2.23 ล้านราย

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ประเทศไทยเริ่มผ่อนคลายมาตรการ แต่ต้องใส่ใจป้องกันความเสี่ยงให้ดี การระบาดรอบใหม่เราเคยมีจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อสูงถึง 63 จังหวัด แม้ขณะนี้จะลดน้อยลง เหลือเพียง 12 จัหวัด เกิดการผ่อนคลายมาตรการแล้ว เราก็อยากให้ผ่อนคลายต่อยาวๆ ไม่อยากให้มีไฟลุกขึ้นมาอีก ไม่อยากให้สะเก็ดไฟจำนวนมากกระจายจากจุดใดจุดหนึ่ง ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนของสังคม

Advertisement

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมการระบาดรอบใหม่ เรารักษาสถิติได้ดี จังหวัดที่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อยังคงที่ 14 จังหวัด และจังหวัดที่ไม่พบผู้ติดเชื้อมากกว่า 7 วัน มี 42 จังหวัด จึงหวังว่าสัปดาห์ถัดไปจะมีจังหวัดที่เพิ่มมากขึ้นอีก

“โอกาสที่เราจะเห็นเป็นศูนย์ต้องใช้เวลา และศูนย์ไม่ใช่เป้าหมายของเรา เพราะจะต้องใช้มาตรการเข้มข้น ซึ่งกระทบต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เป้าหมายของเราคือควบคุม อาจมีผู้ติดเชื้อบ้างประปราย แต่อยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้ กิจการต่างๆ ดำเนินการต่อได้” นพ.เฉวตสรร กล่าว

นพ.เฉวตสรร กล่าวต่อว่า การผ่อนคลายมาตรการตามแต่ละพื้นที่ ดังนี้

Advertisement

1.การผ่อนคลายร้านอาหาร พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด คือ สมุทรสาคร นั่งรับประทานได้ถึง 21.00 น. พื้นที่ควบคุมสูงสุด คือ กทม. สมุทรปราการ นนทบุรีและ ปทุมธานี และพื้นที่ควบคุม นั่งในร้านได้ถึง 23.00 น. ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังสูงสุดและพื้นที่เฝ้าระวัง นั่งได้ตามเวลาที่กฎหมายกำหนด

2.การดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร และการเปิดสถานบริการ ผับบาร์ คาราโอเกะ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พื้นที่ควบคุมสูงสุด ไม่สามารถเปิดหรือดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารได้ ส่วนพื้นที่ควบคุม สามารถเปิดและนั่งดื่มได้ถึงเวลา 23.00 น. พื้นที่เฝ้าระวังสูงสุด เปิดได้ถึงเวลา 24.00 น. และพื้นที่เฝ้าระวัง ทำได้ตามเวลาที่กฎหมายกำหนด

และ 3.สถานศึกษา พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ยังไม่สามารถเปิดได้ พื้นที่ควบคุมสูงสุด ใช้การเรียนแบบผสมผสาน ส่วนพื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูงสุด และพื้นที่เฝ้าระวัง สามารถเปิดเรียนได้ตามปกติ

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า การเดินทางข้ามจังหวัด ขอให้ดูประกาศจากต่างจังหวัดปลายทางที่จะต้องเดินทางไป แต่จะต้องเข้มงวดมาตรการป้องกันโรคด้วยการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง และล้างมือ ทั้งนี้ บางจังหวัดสามารถประกาศนโยบายที่เข้มงวดขึ้นได้ เพื่อคัดกรองผู้เดินทางเข้าพื้นที่ เช่น ผู้เดินทางจากจังหวัดสีแดง ให้เฝ้าระวังอาการอยู่ที่บ้าน ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น ส่วนกรณีสมุทรสาคร ที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ขอให้หลีกเลี่ยงการเดินทางให้มากที่สุด

“การจัดงานเลี้ยงต่างๆ ควรหลีกเลี่ยงไปก่อน เพราะบรรยากาศในงานจะพาไป การดื่มสุราจะทำให้พฤติกรรมป้องกันตัวเองย่อหย่อนไป แต่ขอให้ทุกท่านพยายามรักษาระยะห่าง เลื่อนงานเลี้ยงไปก่อน รอให้สถานการณ์ระบาดคลี่คลายไปก่อน” นพ.เฉวตสรร กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image