พุ่งไม่หยุด! โควิด ไทยทุบสถิติทะลุ 1,767 ราย ดับเพิ่มอีก 2 ราย

พุ่งไม่หยุด! โควิด ไทยทุบสถิติทะลุ 1,767 ราย ดับเพิ่มอีก 2 ราย ยังนอนรักษาในรพ. อีก 13,568 ราย

เมื่อวันที่ 18 เมษายน ที่ ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)(ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย ว่า ในวันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,767 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 1,765 ราย แบ่งเป็นระบบเฝ้าระวังและบริการ 1,477 ราย และผู้ติดเชื้อจากการคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 288 ราย กลุ่มผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกันโรค(Quarantine) 2 ราย

ทั้งนี้ จำนวนผู้ป่วยรวมสะสม 42,352 ราย แบ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศ 39,117 ราย จากการคัดกรองเชิงรุก 20,268 ราย รักษาหายแล้ว 28,683 ราย เหลือรักษาอยู่ 13,569 ราย แบ่งเป็นอยู่ในโรงพยาบาล(รพ.) 12,998 ราย รพ.สนาม 571 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย สะสม 101 ราย โดยการระบาดระลอกใหม่เดือนเม.ย.2564 สะสม 13,489 ราย เสียชีวิตสะสม 7 ราย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตรายที่ 100 ของประเทศไทย เป็นพระสงฆ์ อายุ 54 ปี โรคประจำตัว คือ โรคไตเรื้อรัง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ขณะป่วยอยู่ที กรุงเทพมหานคร (กทม.) เมื่อวันที่ 12 เม.ย. มีอาการหอบเหนื่อย หมดสติ เจ้าหน้าที่นำส่งรพ. แพทย์ทำการฟื้นคืนชีพแต่ไม่ดีขึ้น และเสียชีวิตในเวลาต่อมา รพ.จึงได้ส่งตรวจหาเชื้อโควิด-19 และผลยืนยันพบเชื้อ

Advertisement

ผู้เสียชีวิตรายที่ 101 เป็นหญิงไทย อายุ 70 ปี โรคประจำตัว คือ โรคเอสแอลอี รูมาตอยด์ ไตเรื้อรัง ขณะป่วยอยู่ที่ กทม. เมื่อวันที่ 5 เม.ย. มีอาการไข้ หายใจลำบาก เมื่อวันที่ 12 เม.ย. อาการไม่ดีขึ้น จึงเข้ารักษาที่ รพ. ได้รับการเอกซเรย์ปอด พบ ปอดอักเสบและยืนยันการติดเชื้อโควิด-19 ต่อมาเมื่อวันที่ 17 เม.ย. อาการแย่ลง ไม่ตอบสนองการรักษาและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

“ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่ในภาคกลาง 4,531 ราย ส่วนกรุงเทพฯ และนนทบุรี 4,072 ราย เพียง 2 ส่วนนี้ก็เกินครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ติดเชื้อแล้ว ทำให้มีผู้รักษารวมกว่า 13,568 ราย ซึ่งตัวเลขจะมากกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมในการระบาดระลอกใหม่เดือนเม.ย. เพราะมีรายเก่าที่ยังนอนอยู่ในรพ.จากระลอกเดือนธ.ค.-ม.ค. ด้วย” นพ.ทวีศิลป์ กล่าวและว่า สำหรับจำนวนผู้ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มที่ 1 จำนวน 526,706 ราย และผู้ได้รับครบ 2 เข็ม จำนวน 81,815 ราย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามใน 6 จังหวัดแรกที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุด คือ กทม. 3,323 ราย เชียงใหม่ 2,053 ราย ชลบุรี 1,183 ราย ประจวบคีรีขันธ์ 749 ราย นนทบุรี 623 ราย และ สมุทรปราการ 606 ราย ซึ่งที่ประชุม ศปก.ศบค. สะท้อนภาพนี้เห็นว่าทั้งหมดมีผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 500 ราย โดยเฉพาะ กทม.และเชียงใหม่ พบผู้ติดเชื้อต่อวันเป็นเลขสามหลักมาตลอด ทำให้มีความต้องการเตียงใน รพ.สนาม จำนวนมาก ซึ่งเป็นที่มาของการออกข้อกำหนดฉบับที่ 20 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมสถานการณ์ให้มั่นคง ขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือ ลดจำนวนการติดเชื้อให้ได้

Advertisement

“ส่วนการรายงานประจำวันเพิ่มขึ้นจาก 1,500 รายอยู่หลายวันก็เป็น 1,700 ราย ก็เกิดขึ้นจากหลายจังหวัด แต่หากวิเคราะห์รายจังหวัดตามแผนที่ประเทศไทย ในช่วงวันที่ 14 เม.ย. พบว่า จังหวัดสีแดงที่มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 100 ราย คือ เชียงใหม่ ประจวบคีรีขันธ์ และ กทม. ต่อมาเมื่อวันที่ 16 เม.ย. พบจังหวัดสีเหลือง ที่มีผู้ติดเชื้อประมาณ 11-50 รายกระจายหลายจังหวัด ซึ่งเป็นข้อสังเกตว่าช่วงวันหยุดกลับบ้าน ก็อาจทำให้เชื้อกระจายไป เพราะเราไม่มีมาตรการลดการเคลื่อนย้าย เพียงแต่เราต้องการให้ทุกคนใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง และในวันที่ 18 เม.ย. ก็พบจังหวัดสีส้ม มีผู้ติดเชื้อประมาณ 51-100 รายในบางจังหวัด เช่น นครราชสีมา เราจึงต้องการความร่วมมือจาก 77 จังหวัด โดยเฉพาะ 18 จังหวัดที่เราประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด” นพ.ทวีสิลป์ กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก พบรายใหม่ 782,373 ราย สะสม 141,300,538 ราย ผู้เสียชีวิตรายใหม่ 11,556 ราย สะสม 3,023,813 ราย ซึ่งประเทศที่น่าเป็นห่วง คือ อินเดีย รายใหม่ 260,778 ราย มีการวิเคราะห์ว่าเกิดสถานการณ์คล้ายบ้านเราที่มีคนกลับบ้านช่วงเทศกาล และเมื่อมีการติดเชื้อเยอะก็จะเริ่มมีข่าวไวรัสกลายพันธุ์ สายพันธุ์อินเดีย ที่กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว ส่วนในทวีปเอเซีย ฟิลิปปินส์ รายใหม่ 11,101 ราย ญี่ปุ่น 4,473 ราย มาเลเซีย 2,331 ราย เกาหลีใต้ 655 ราย และกัมพูชา 291 ราย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image