สธ.เสนอปรับพื้นที่ 3 สีใหม่ “แดงเข้ม แดง ส้ม” พร้อมสั่งการแต่ละจว. ปิดกิจการเสี่ยง
เมื่อวันที่ 25 เมษายน ที่ กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการอำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินทางด้านการแพทย์และการสาธารณสุข (ศปค.สธ.) ครั้งที่ 8/2564 เป็นการประชุมเร่งด่วนเนื่องจากสถานการณ์ระบาดโควิด-19 มีความรุนแรงขึ้น
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ปัญหาหลักขนาดนี้อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร(กทม.) ที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ไปจนถึงปัญหาด้านการใช้เตียง จึงมีการประชุมร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งทางกรุงเทพมหานคร ภาคเอกชน โรงเรียนแพทย์ เพื่อปรับวิธีการควบคุมโรคและกระบวนการบริหารจัดการ เพราะหลายภาคส่วนอาจยังเข้าใจที่คลาดเคลื่อน จึงมีการพูดคุยเพื่อหารือกัน คาดว่าการบริหารจัดการเตียงจะเป็นไปได้ด้วยดี ทั้งนี้ ปัญหาสำคัญคือจำนวนเตียงที่รองรับผู้ป่วยหนักที่มีข้อจำกัด ซึ่งขณะนี้ยังมีเพียงพอ แต่หากการติดเชื้อยังรุนแรงต่อเนื่องเช่นนี้ เตียงผู้ป่วยหนักจะรองรับได้ 1-2 สัปดาห์จากนี้
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปานกลาง ไปจนถึงไม่มีอาการ ขณะนี้กรมการแพทย์ ออกมาตรการลดเวลาการอยู่ในโรงพยาบาล(รพ.) ให้เหลือ 10 วัน เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนเตียงที่คล่องขึ้น ขณะที่ ยาฟาวิพิราเวียร์ จากประเทศญี่ปุ่นจะขนส่งถึงประเทศไทยในวันพรุ่งนี้(26เม.ย.) จำนวน 2 ล้านเม็ด
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ใน กทม. ตัวเลขยังทรงตัวแต่มีลักษณะฐานที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งจะต้องติดตาม 1-2 วันถัดจากนี้ ทั้งนี้ สธ. ได้พิจารณาเสนอมาตรการต่อศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19(ศบค.) เพื่อพิจารณาประกาศใช้มาตรการ 14 วัน คือ 1.ปรับระดับสีจังหวัดจากเดิม 2 สีให้เพิ่มเป็น 3 พื้นที่ คือ สีแดงเข้ม ให้เป็นจังหวัดควบคุมสูงสุดเป็นกรณีพิเศษ สีแดง และสีส้มที่มีจำนวนไม่มาก เนื่องจากจังหวัดส่วนใหญ่จะให้กลายเป็นพื้นที่สีแดงเข้มและสีแดง
2.ขอให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดปรับมาตรการในระดับจังหวัด รูปแบบทาร์เก็ตล็อกดาวน์(Target Lock down) ซึ่งเป็นการปิดกิจการกิจกรรมต่างๆ ที่มีผลต่อการรวมตัวของคนจำนวนมาก โดยทางจังหวัดจะต้องพิจารณาข้อกำหนดต่างๆ ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข
ผู้สื่อข่าวถามถึงประกาศของกรุงเทพมหานคร ในการสั่งปิด 31 สถานที่ ซึ่งอาจส่งผลให้ประชาชนเคลื่อนย้ายกระจายสู่ต่างจังหวัด นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า กิจกรรมต่างๆ ยังคงทำได้พอสมควร และประกาศบังคับใช้ระยะเวลา 14 วัน อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการประเมินสถานการณ์รายวัน ซึ่งหากใน 1-2 วันนี้ มีความรุนแรงมากขึ้นก็จะมีการพิจารณามาตรการที่เข้มมากขึ้นไปอีก
