ศบค.เผยยอดผู้เสียชีวิตทำนิวไฮด์ 34 ราย ชี้นครปฐมขยับจากพื้นที่สีแดงลงมาเป็นสีเขียว

ศบค.เผยยอดผู้เสียชีวิตทำนิวไฮด์ 34 ราย ชี้นครปฐมขยับจากพื้นที่สีแดงลงมาเป็นสีเขียว บอกหากปชช.พบเห็นการจัดการสถานที่ตรวจโควิด-ฉีดวัคซีนจัดการไม่เหมาะสม แจ้งเข้ามาศบค.ได้

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 12 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) แถลงรายงานสถานการณ์โควิด-19 ว่า ประเทศไทย พบผู้ป่วยรายใหม่ 1,983 ราย เป็นผู้คัดกรองค้นหาเชิงรุกในชุมชน 646 ราย ต่างประเทศ 9 ราย ยอดสะสม 60,044 ราย ยอดผู้เสียชีวิต 34 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 392 ราย ผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 31,617 ราย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 20,159 ราย ผู้ที่กำลังรักษาตัวอยู่ในขณะนี้ 29,378 ราย ในโรงพยาบาลสนาม 9,219 ราย ที่น่าเป็นห่วง คือ มีผู้ป่วยอาการหนัก 1,226 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 401 ราย

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ข้อมูลผู้เสียชีวิต 34 ราย แบ่งเป็นกรุงเทพมหานคร 10 ราย สมุทรปราการ 13 ราย ปทุมธานี นครปฐม จังหวัดละ 2 ราย สุพรรณบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร เพชรบูรณ์ ชลบุรี นครนายก สระแก้ว จังหวัดละ 1 คน แบ่งเป็นเพศชาย 16 ราย เพศหญิง 18 ราย อายุตั้งแต่ 33-39 ปี ค่ากลางอายุ 66.5 ปี เสียชีวิต ต่างชาติ (ฟินแลนด์) 1 ราย สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงการรับเชื้อ มาจากสัมผัสสมาชิกในครอบครัว 12 ราย สัมผัสใกล้ชิดเพื่อน เพื่อนร่วมงาน 10 ราย มาจากจัดหวัดเสี่ยง 6 ราย อาชีพเสี่ยงเช่นทำงานในตลาดและขับแท็กซี่ 4 ราย ไปสถานที่แออัด 2 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยความดันโลหิตสูง เบาหวาน 18 ราย ไขมันหลอดเลือดสูง 13 ราย ไตเรื้อรัง 7 ราย โรคหัวใจ 6 ราย โรคตับ 3 ราย จิตเวช 1 ราย อ้วน 3 ราย โรคปอดเรื้อรัง 1 ราย ติดเตียง 2 ราย และปฏิเสธโรคประจำตัว 2 ราย

“ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นตลอดสัปดาห์นี้จะค่อนข้างเป็นผู้ป่วยคัดกรองเชิงรุกจากชุมชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องการ และอย่างที่บอกกับทุกคนมาตลอดว่าวันนี้ยังพบยอดผู้ป่วยจำนวนมากที่รายงานตัวเป็นผู้ติดเชื้อและคัดกรอง คัดแยกแล้วพบว่ามีอาการที่อยู่ในระดับเหลือง แดง ในวันนี้กรมการแพทย์รายงานว่าระดับสีแดงยังมีการพบอยู่ตลอด จึงเป็นปัจจจัยที่นำไปสู่การเสียชีวิต หากพบผู้ป่วยได้ในระยะแรกเริ่มหรือเป้นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง เสี่ยงต่ำ ก็จำเป็นต้องเข้าตรวจอย่างรวดเร็ว ในแง่ของการวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัดตามพื้นที่ตลาด ชุมชนและขนส่งลดลง รางานผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ 9 ราย ได้แก่มาเลเซีย 3 ราย เยอรมัน 1 ราย สวิตเซอร์แลนด์ 1 ราย กัมพูชา 2 ราย และลาว 2 ราย โดยเคสกัมพูชาและลาวเดินทางเข้าประเทศผิดกฎหมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำงานหนักตระเวนแนวชายแดนช่องทางธรรมชาติและพบผู้ป่วยจากสองประเทศนี้” พญ.อภิสมัย กล่าว

พญ.อภิสมัย กล่าวต่อว่า โดย 10 จังหวัดที่มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสูงสุด แบ่งเป็นกทม. 976 ราย นนทบุรี 266 ราย สมุทรปราการ 110 ราย ชลบุรี 57 ราย สุราษฏรธานี 53 ราย พระนครศรีอยุธยา 38 ราย สมุทรสาคร 36 ราย จันทบุรี 32 ราย ปทุมธานี 29 ราย และปัตตานี 28 ราย นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยกันในศบค.ชุดเล็กในส่วนของจังหวัดทางภาคใต้และจังหวัดที่เป็นตะเข็บชายแดนที่ผอ.ศบค.มีความเป็นห่วงในเรื่องการเฝ้าระวังการเดินทางเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย มีการพูดคุยกันถึงแม่สอด จ.ตาก และผู้ว่าราชการจังหวัดเคยนำเรียนในการประชุมศบค.ชุดเล็กถึงมาตรการการดูแลอย่างครบวงจรเป็นระบบในการเฝ้าระวังในการลักลอบข้ามแดนอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งในขณะนี้สามารถยึดครองพื้นที่สีขาวได้คืนมา 18 จังหวัดได้แก่ ลำปาง นครพนม สุรินทร์ น่าน สุโขทัย ยโสธร พะเยา สกลนคร เลย ชัยนาท แพร่ อุตรดิตถ์ หนองคาย สิงห์บุรี แม่ฮ่องสอน มุกดาหาร บึงกาฬ และสตูล จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อรายงานน้อยกว่า 10 คน เพิ่มเป็น 38 จังหวัด

Advertisement

พญ.อภิสมัย กล่าวต่อว่า โดยมีนครปฐมที่เคยอยู่ในพื้นที่สีแดงมาก่อนแต่ในขณะนี้ขยับลงมาเป็นพื้นที่สีเขียว จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 100 คน คือกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ ในส่วนของกทม.หากไปดูในพื้นที่ที่มีการระบาดจะเห็นว่าในส่วนของเขตที่มีอัตราป่วยสะสมสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ เขตวัฒนา เขตห้วยขวาง เขตคลองเตย เขตปทุมวัน เขตดินแแดง โดยสองส่วนที่มีความน่าเป็นห่วงคือ ขนส่งสาธารณะ ที่มีการพบการติดเชื้อจากขนส่งสาธารณะมากขึ้น เช่น คนขับแท็กซี่ คนขับวินมอเตอร์ไซค์ คนเก็บตั๋วรถเมล์ พนักงานบีทีเอส รวมถึงผู้ใช้บริการขนส่งสาธารณะด้วย อีกประเด็นที่สำนักอนามัยเป็นห่วงคือแรงงานต่างด้าว แม้จะมีการเข้ามาในประเทศอย่างผิดกฎหมายแต่ก็ต้องให้การดูแล ไม่ว่าจะเป็นการจัดให้มีการตรวจหาเชื้อ หากติดเชื้อก็ต้องจัดสถานที่ที่จะให้เขาได้รับการรักษาได้ออย่างเหมาะสม แต่อย่างไรก็ตามการกระทำความผิดก็ต้องมีการทบทวนและแก้ปัญหาควบคู่กันไปด้วย เมื่อหายป่วยแล้วต้องนำเข้าสู่ระบบการจ้างงาน ทั้งที่จังหวัดสมุทรสาครได้มีการแบนการนำแรงงานเข้ามาในประเทศอย่างผิดกฎหมายและได้ทำเป็นต้นแบบจังหวัดแรกแล้ว

เมื่อถามว่าพื้นที่ที่ให้บริการฉีดวัคซีนค่อนข้างแออัดและไม่ได้มีการจัดระเบียบ จึงกังวลว่าจะทำให้เกิดผลกระทบต่างๆ ตามมาหรือไม่พญ.อภิสมัย กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (11 พฤษภาคม) ตนได้ไปสังเกตที่โบสถ์มหาดไทย มีประชาชนถ่ายรูปและรายงานมาที่ศบค. ซึ่งทางศบค.ก็ได้นำเรียนไปที่กทม.และสำนักงานเขตเรียบร้อย โดยทุกภาคส่วนได้รับเรื่องและให้คำมั่นว่าจะมีการจัดระบบที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามก็ขอให้ประชาชนเฝ้าระวังตนเองด้วยเวลาที่เข้าไปรับบริการตรวจหาเชื้อหรือไปฉีดวัคซีน หากเห็นการจัดการที่อาจจะไม่เหมาะสมสามารถที่จะพัฒนาให้ดีกว่านี้ได้ ก็ขอให้รายงานเข้ามาก็ถือว่าเป็นสิ่งที่เราจะช่วยกันพัฒนาให้ราบรื่นและเพื่อให้ประชาชนได้รับการดูแลให้ปลอดภัย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image