รพ.สังขละบุรี สั่งกักตัว 10 บุคลากรทางการแพทย์ หลังมีประวัติสัมผัสผู้ป่วยโควิดรายที่ 2

รพ.สังขละบุรี สั่งกักตัวบุคลากรทางการแพทย์ 10 คน หลังมีประวัติสัมผัสผู้ป่วยโควิด-19 รายที่ 2 พร้อมฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อพื้นที่เสี่ยง เตรียมพื้นที่รองรับผู้ป่วยหากพบเพิ่ม

จากกรณีที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายแรกเป็นชายวัย 27 ปี อาศัยอยู่ในพื้นที่บ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ที่ 9 ต.หนองลู อำเภอสังขละบุรี ซึ่งคาดว่าน่าจะรับเชื้อมาจาก กทม. หลังจากที่เดินทางพาบิดาไปพบแพทย์ที่ ร.พ.ราชวิถี ซึ่งเป็นพื้นที่สีแดง ที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 ในวันที่ 17-20 พ.ค.ที่ผ่านมา ก่อนกลับมาอำเภอสังขละบุรี วันที่ 22 พ.ค. จนวันที่ 25-26 พ.ค. มีอาการปวดหัว อ่อนเพลีย มีไข้ ครั่นเนื้อครั่นตัว วันที่ 27-29 ปวดเมื่อยตัว วันที่ 30 พ.ค. ลิ้นไม่รู้รส จมูกไม่ได้กลิ่น จึงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสังขละบุรีและส่งตรวจหาเชื้อโควิด-19 จนเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ผลตรวจเชื้อจากโรงพยาบาลพหล แจ้งว่าพบเชื้อโควิด-19 ซึ่งขณะนี้ผู้ป่วยได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสังขละบุรี ขณะนี้อาการปลอดภัยดี

โดยเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.64 เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอสังขละบุรี ร่วมกับ โรงพยาบาลสังขละบุรี ได้ส่งทีมสืบสวนโรคลงพื้นที่ตรวจหาเชื้อในกลุ่มผู้สัมผัสใกล้ชิดจำนวน 22 คน ล่าสุด มีรายงานพบเชื้อจำนวน 1 ราย ซึ่งเป็นบิดาของผู้ป่วย อายุ 72 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ร่วมกับผู้ป่วยรายแรก ซึ่งมีอาการป่วยด้วยโรคความดัน เบาหวาน และโรคไต

ส่วนผลตรวจผู้สัมผัสใกล้ชิดอีก 20 ราย ไม่พบเชื้อ โดยจะต้องมีการตรวจซ้ำอีกครั้งเป็นครั้งที่ 2 ในวันที่ 9 มิ.ย. นอกจากนี้ยังได้มีการลงพื้นที่สอบสวนกลุ่มผู้มีความเสี่ยงต่ำ ในพื้นที่บ้านพระเจดีย์สามองค์ อีก จำนวน 99 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมาชิกในครอบครัวผู้ป่วย ครอบครัวคนงาน และเพื่อนๆ ของผู้ป่วย

และเมื่อเวลา 14.00 น. ผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ของแฟนสาวของผู้ป่วยรายแรก จากห้องตรวจหาเชื้อ ของโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จ.กาญจนบุรี ยืนยันว่า ผลเป็นบวก พบเชื้อโควิด-19 ส่งผลให้ถึงตอนนี้ อ.สังขละบุรี พบผู้ป่วยโควิด-19 แล้ว จำนวน 3 ราย

Advertisement

ซึ่งล่าสุดทีมสืบสวนโรค รพ.สังขละบุรี นำโดย นพ.กฤษดา วุธยากร ผอ.รพ.สังขละบุรี ได้ลงพื้นที่ สอบสวนโรค ในพื้นที่บ้านวังกะ หมู่ที่ 2 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ทันทีหลังทราบผลตรวจ เพื่อควบคุมการระบาด พร้อมทั้งได้นำรถพยาบาลไปรับผู้ป่วยมารับการรักษาตัวที่ รพ.สังขละบุรี

ส่วนผู้ป่วยรายที่ 2 (บิดา) รพ.สังขละบุรี ได้ทำการส่งต่อไปรับการรักษาตัวที่ รพ.พหลพลพยุหเสนา จ.กาญจนบุรี เนื่องจากผู้ป่วยอายุมาก และมีอาการป่วยด้วยโรคหลายอย่าง รวมทั้งโรคไต ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการฟอกไต ทุกสัปดาห์ๆ ละ 2 ครั้ง จึงต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้ชำนาญและมีเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยกว่า

จากการที่พบเชื้อในบิดาของผู้ป่วย ซึ่งเป็นผู้ป่วยที่เข้ามารับการฟอกไตที่โรงพยาบาลสังขละบุรี ทุกสัปดาห์ นพ.กฤษดา วุธยากร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสังขละบุรี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ได้สั่งให้แพทย์ พยาบาล ของโรงพยาบาลสังขละบุรี 10 คน ซึ่งเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยรายที่ 2 กักตัว 14 วัน ในสถานที่กักตัวในโรงพยาบาลสังขละบุรี ตามมาตรการควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข พร้อมดำเนินการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เพื่อส่งไปหาเชื้อในห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จ.กาญจนบุรี ซึ่งจะทราบผลภายใน 1-2 วันนี้ นอกจากนี้ยังได้เฝ้าระวังสมาชิกภายในครอบครัวผู้สัมผัสใกล้ชิดอีก 20 คน โดยขอความร่วมมือให้ทั้ง 20 คนกักตัวอยู่มี่บ้านเช่นกัน

ขณะที่วันนี้เจ้าหน้าที่ รพ.สังขละบุรี ได้ร่วมกันทำความสะอาด สถานที่ภายในโรงพยาบาล พร้อมทั้งขอความร่วมมือเทศบาลตำบลวังกะ มาทำการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในพื้นที่สี่ยงของโรงพยาบาล ซึ่งประกอบด้วย ห้อง X-ray ห้องฉุกเฉิน ห้องผู้ป่วยนอก รวมทั้งห้องหน่วยฟอกไตเทียม รวมทั้งจุดสัมผัสต่างๆ ภายในโรงพยาบาล และยังได้ช่วยกันสร้างฉากกั้น สำหรับใช้ในห้อง OPD เพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่เจ้าหน้าที่ พร้อมทำการวางแผนแยกผู้ป่วยที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ ไปไว้ในอาคารอุตตมานุสรณ์ เพื่อความปลอดภัยและห้ามเยี่ยมผู้ป่วยในช่วงนี้

นอกจากนี้ทางโรงพยาบาลมีแผนปรับห้องฉีดวัคซีน เป็นห้องพักผู้ป่วย หากมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ซึ่งห้องดังกล่าวสามารถรองรับผู้ป่วยได้จำนวน 20 เตียง

จนถึงขณะนี้ อ.สังขละบุรีพบผู้ป่วยโควิด-19 แล้วจำนวน 3 ราย ผู้สัมผัสที่มีความเสี่ยงสูงจำนวน 30 ราย ความเสี่ยงต่ำ จำนวน 119 ราย (ยังไม่รวมของผู้ป่วยรายที่ 3 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการสอบสวนโรค) พักรักษาตัวที่ รพ.สังขละบุรี 2 ราย (รายที่ 1 และ 3) ส่วนรายที่ 2 ส่งไปรักษาตัวต่อที่ รพ.พหลฯ

ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ของ จ.กาญจนบุรี วันนี้ 3 มิ.ย.64 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 8 ราย หายป่วยกลับบ้าน 5 ราย หายป่วยสะสม 287 คน อยู่ระหว่างการรักษาตัวใน รพ. 41 ราย ยอดผู้ป่วยสะสม 332 ราย เสียชีวิตสะสม 4 ราย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image