‘บิ๊กตู่’ ขอคนไทยรักกัน ฝ่าวิกฤตวัคซีนโควิด โฆษก ศบค.รับเกิดปัญหาจริง ขออภัย ปชช.
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) กล่าวว่า ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,355 ราย แบ่งเป็น รายใหม่ 1,723 ราย การคัดกรองเชิงรุก 838 ราย เรือนจำ 784 ราย ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 10 ราย สะสมทั้งหมด 199,264 ราย ผู้ป่วยรักษาหายเพิ่ม 3,530 ราย ยังเหลือที่รักษาอยู่ 39,854 ราย แบ่งเป็น โรงพยาบาล (รพ.) 14,008 ราย รพ.สนามและอื่นๆ อีก 25,846 ราย ผู้เสียชีวิตเพิ่ม 17 ราย สะสม 1,466 ราย
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า การจัดสรรวัคซีนป้องกันโควิด-19 ความต้องการมีมาก แต่ปริมาณวัคซีนมีน้อยจึงเกิดปัญหาขึ้น ตนในฐานะโฆษก ศบค.ก็ขอกราบขออภัยเป็นอย่างสูงต่อประชาชน ยืนยันว่าทุกฝ่ายต้องการหาวัคซีนมาโดยเร็วอย่างที่ตั้งใจ แต่ไม่ได้อย่างที่คิด ก็เกิดขรุขระบ้าง แต่วันนี้บรรยากาศข่าวที่ออกมาแสดงถึงความสนใจของประชาชน ขอให้ทุกท่านติดตามข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขให้คำมั่นว่าจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่อย่างดี เพื่อให้มีวัคซีนในประเทศไทย
“ในยามวิกฤต ท่านผู้อำนวยการ ศบค.ก็อยากให้คนไทยรักกัน ร่วมไม้ร่วมมือกัน ท่านฝากความห่วงใยมาว่าสิ่งต่างๆ นั้นการทำงานที่มีเรื่องต้องลงรายละเอียด มีปัญหามากมาย ขอให้ทุกฝ่ายพูดคุยกัน และเราจะก้าวผ่านไปด้วยกัน” นพ.ทวีศิลป์กล่าว
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า การฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น 106,882 โดส แบ่งเป็น เข็มที่ 1 จำนวน 75,128 โดส เข็มที่ 2 อีก 31,754 โดส ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-13 มิ.ย. ฉีดสะสมแล้ว 6,188,124 โดส แบ่งเป็น วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 1,621,574 โดส วัคซีนซิโนแวค 3,010,550 โดส มีการจำแนกตามพื้นที่ เช่น กรุงเทพฯ ที่มีการระบาดมาก ยอดการฉีดเข็มที่ 1 จำนวน 1,346,993 โดส คิดเป็น ร้อยละ 17.5 เข็มที่ 2 อีก 369,401 โดส คิดเป็น ร้อยละ 4.8 ขณะที่ จ.ภูเก็ต ที่จะเป็นภูเก็ตโมเดลในการทำแซนด์บ็อกซ (Sand- Box) ฉีดเข็มที่ 1 ไปแล้ว 333,570 โดส คิดเป็น ร้อยละ 60.9 และเข็มที่ 2 อีก 137,625 โดส คิดเป็น ร้อยละ 4.8
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 79 ของโลก ข้อเตือนใจของประเทศอังกฤษที่มีการฉีดวัคซีน แต่ตัวเลขการติดเชื้อยังมากอยู่ วันนี้พบรายใหม่ 7,490 ราย ทั้งนี้ วัคซีนเป็นทั้งคำตอบแต่ก็เป็นเรื่องใหม่อยู่ เราก็ต้องป้องกันตัวเองด้วย ดังนั้น เราก็ต้องเรียนรู้ร่วมกันเป็นรายวัน
“ทั้งนี้ 10 จังหวัดที่มีการติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ 1.กรุงเทพฯ 925 ราย สะสม 54,110 ราย 2.นครปฐม 292 ราย สะสม 2,138 ราย 3.นนทบุรี 232 ราย สะสม 8,883 ราย 4.สมุทรปราการ 196 ราย สะสม 10,628 ราย 5.สมุทรสาคร 158 ราย สะสม 4,328 ราย 6.สงขลา 106 ราย สะสม 2,107 ราย 7.นครศรีธรรมราช 93 ราย สะสม 1,068 ราย 8.ปทุมธานี 83 ราย สะสม 5,501 ราย 9.ปัตตานี 67 ราย สะสม 561 ราย และ 10.ชลบุรี 56 ราย สะสม 5,409 ราย สำหรับพื้นที่สีขาวหรือติดเชื้อเป็น 0 มีจำนวน 27 จังหวัด” โฆษก ศบค.กล่าว และว่า ส่วนกลุ่มต่างๆ ที่รับวัคซีนเข็มที่ 2 นั้น บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขได้มากสุด ร้อยละ 86.5 บุคลากรด่านหน้า ร้อยละ 12.7 อสม. ร้อยละ 10.4 กลุ่มโรคเรื้อรัง ร้อยละ 1.5 ประชาชนทั่วไป ร้อยละ 2 ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ร้อยละ 0.3 โดยรวมฉีดอยู่ที่ร้อยละ 3.3 จากเป้าหมาย 50 ล้านคน
