‘หมอนิธิ’ แจงปมวัคซีน ‘ซิโนฟาร์ม’ ยันโควต้า ส.อ.ท. ได้ครบทุกบริษัทตามที่ขอ

‘หมอนิธิ’ แจงปมวัคซีน ‘ซิโนฟาร์ม’ ยันโควต้า ส.อ.ท.ได้ครบทุกบริษัทตามที่ขอ

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ กล่าวชี้แจงถึงประเด็นเรื่องการคืนเงินแก่นิติบุคคลที่ได้ทำการยื่นความประสงค์จองวัคซีนตัวเลือก “ซิโนฟาร์ม” ผ่านทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ว่า ยืนยันว่าทุกองค์กรที่เป็นโควต้าของ ส.อ.ท.จะได้รับการจัดสรรวัคซีนอย่างครบถ้วน เพียงแต่จะต้องแยกออกมาเป็นของแต่ละองค์กร และต้องมีการลงนามเป็นรายบริษัท เนื่องจากในข้อตกลงแต่ละองค์กรจะไม่สามารถรับผิดชอบแทนกันได้

ศ.นพ.นิธิกล่าวว่า ปัญหาเกิดจากการที่ ส.อ.ท.เปิดรวบรวมความประสงค์ก่อน โดยที่ยังไม่ทราบข้อตกลงและรายละเอียดของการจองวัคซีนจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ที่ภายหลังราชวิทยาลัยฯ มีข้อตกลงในการจองวัคซีนว่าจะต้องมีการทำสัญญาโดยตรงกับนิติบุคคล

“ในกลุ่มรายชื่อที่ ส.อ.ท.ส่งรวมๆ กันมา ก็จะได้กันหมด เพียงแต่ว่า แต่ละนิติบุคคล (บริษัท) ต้องลงนามในข้อตกลงเองและโอนเงินเอง เพื่อกำหนดโรงพยาบาลที่ฉีดให้เองด้วย รวมถึงกำหนดการบริจาคและกลุ่มที่ประสงค์จะบริจาคให้ และยังต้องดาวน์โหลดชื่อพนักงาน พร้อมเลขบัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ติดต่อของแต่ละคน ซึ่งหาก ส.อ.ท.ทำเอง จะช้า พนักงานจะได้วัคซีนช้าตามไปด้วย ในข้อตกลงมีรายละเอียดมากที่ต้องทำกันเอง ที่สำคัญคือ ทุกบริษัทต้องสัญญาว่า ไม่นำไปขายต่อ หรือหากำไร” เลขาธิการราชวิทยาลัยฯ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ศ.นพ.นิธิกล่าวว่า แม้ว่าราชวิทยาลัยฯ จะปิดรับความประสงค์ไปแล้ว และยังมีนิติบุคคลบางส่วนจาก ส.อ.ท.ที่ยังไม่ยื่นความประสงค์กับราชวิทยาลัยฯ โดยตรง ทั้งนี้ องค์กรที่ยังไม่ยื่นความประสงค์โดยตรง อาจมีระยะเวลาการดำเนินงานที่ช้ากว่าองค์กรอื่นเนื่องจากต้องจัดการยื่นเอกสารในภายหลัง ขณะเดียวกัน ก็ไม่สามารถเปลี่ยนชื่อ และจำนวนวัคซีนได้จากยอดจองเดิมคือ 3 แสนโดส และว่า ยืนยันว่าวัคซีนล็อตที่ 2 จะเข้ามาอย่างแน่นอน ส่วนจะเข้ามาช่วงไหนนั้นจะต้องรอติดตาม

Advertisement

“ไม่เทใคร แต่อาจเรียงลำดับตามความสำคัญ เพราะวัคซีนทยอยมา คาดว่า 2 เดือนต่อไป ไม่ต่ำกว่า 6 ล้านโดส หรือ 3 ล้านคน” ศ.นพ.นิธิ กล่าว และว่า ส่วนเกณฑ์การจัดสรรวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์ม คือ ต้องจัดสรรแบบเป็นกลุ่ม เนื่องจากต้องการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ได้ โดยจะมีการจัดสรรวัคซีนตามกลุ่มที่มีความสำคัญด้านความมั่นคงทั้งเศรษฐกิจและสังคมก่อน คือ กลุ่มที่ 1 การศึกษา เพื่อรองรับการเปิดเทอม โดยจะเป็นการจัดสรรวัคซีนให้บุคลากรในโรงเรียน เนื่องจากเด็กยังไม่ได้รับการจัดสรรให้ฉีดวัคซีนจึงอาจเกิดการแพร่ระบาดได้ง่าย กลุ่มที่ 2 การแพทย์ภาคเอกชน รวมทั้งคลินิกเอกชนต่างๆ กลุ่มที่ 3 องค์กรการกุศล กลุ่มที่ 4 ธุรกิจด้านอุปโภคบริโภค อาหาร ทั้งภาคนิติบุคคล และธุรกิจอุตสาหกรรมที่มีนัยสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ เช่น การผลิตเพื่อส่งออก หรือโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ทั้งนี้ กลุ่มที่ 1-3 จะมีการจัดสรรวัคซีนให้จำนวน 100% จากจำนวนที่ทางองค์กรนั้นๆ ยื่นความประสงค์มา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image