อว.เผยไทยฉีดวัคซีนแล้ว 10,572,292 โดส – พร้อมเปิด 10 สถิติสำคัญ

อว.เผยภูเก็ตฉีดวัคซีนมากสุดในไทย เข็มแรกกว่า 70.25% ยอดทั่ว ปท. 10,572,292 โดส พร้อมเปิด 10 สถิติสำคัญ

เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 3,140 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 40.8 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 329 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 156 ล้านคน ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว

ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 95.755 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (58.2% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 45.495 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 3 กรกฎาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 10,572,292 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 48.4%

ในการฉีดวัคซีน จำนวน 3,140 ล้านโดส นี้ อว.ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ

Advertisement

1.ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 2 กรกฎาคม 2564
จัดสรรวัคซีนแล้วทั้งหมด 10,600,000 โดส
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 10,572,292 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 7,640,118 โดส (11.5% ของประชากร)
-เข็มสอง 2 2,932,174 โดส (4.4% ของประชากร)

2.จำนวนวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.-3 ก.ค.64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 10,572,292 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 270,070 โดส/วัน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinopharm
-เข็มที่ 1 77,870 โดส
-เข็มที่ 2 55 โดส
วัคซีน AstraZeneca
-เข็มที่ 1 3,939,142 โดส
-เข็มที่ 2 61,556 โดส
วัคซีน Sinovac
-เข็มที่ 1 3,623,106 โดส
-เข็มที่ 2 2,870,563 โดส

Advertisement

3.รายงานผู้มีอาการข้างเคียงภายหลังได้รับการฉีดวัคซีน
-94.28% ไม่มีผลข้างเคียง
-5.72% มีผลข้างเคียงไม่รุนแรง ประกอบด้วย
-ปวดกล้ามเนื้อ 1.37%
-ปวดศีรษะ 1.02%
-ปวด บวม แดง ร้อน บริเวณที่ฉีด 0.73%
-เหนื่อย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง 0.67%
-ไข้ 0.45%
-คลื่นไส้ 0.31%
-ท้องเสีย 0.20%
-ผื่น 0.17%
-ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง 0.13%
-อาเจียน 0.08%
-อื่นๆ 0.59%

4.การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
-บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่ 1 107.1% เข็มที่ 2 95.2%
-อสม. เข็มที่ 1 31.1% เข็มที่ 2 16.9%
-ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่ 1 11.8% เข็มที่ 2 0.7%
-ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่ 1 14% เข็มที่ 2 3.2%
-เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่ 1 34.2% เข็มที่ 2 21.9%
-ประชาชนทั่วไป เข็มที่ 1 13% เข็มที่ 2 4.9%
รวม เข็มที่ 1 15.3% เข็มที่ 2 5.9%

5.จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯและปริมณฑล เข็มที่ 1 24.55% เข็มที่ 2 8.134% ประกอบด้วย
-กรุงเทพฯ เข็มที่ 1 33.41% เข็มที่ 2 10.9%
-สมุทรสาคร เข็มที่ 1 20.11% เข็มที่ 2 12.13%
-นนทบุรี เข็มที่ 1 19.47% เข็มที่ 2 7.69%
-สมุทรปราการ เข็มที่ 1 17.37% เข็มที่ 2 4.17%
-ปทุมธานี เข็มที่ 1 10.76% เข็มที่ 2 3.72%
-นครปฐม เข็มที่ 1 6.08% เข็มที่ 2 2.04%

จังหวัดอื่นๆ 71 จังหวัด เข็มที่ 1 6.12% เข็มที่ 2 2.34%
-ภูเก็ต เข็มที่ 1 70.76% เข็มที่ 2 57.05%
-ระนอง เข็มที่ 1 27.43% เข็มที่ 2 6.50%
-สุราษฎร์ธานี เข็มที่ 1 14.11% เข็มที่ 2 6.21%
-เกาะสมุย เข็มที่ 1 61.97% เข็มที่ 2 42.18%
-เกาะเต่า เข็มที่ 1 58.40% เข็มที่ 2 11.84%
-เกาะพะงัน เข็มที่ 1 28.48% เข็มที่ 2 6.17%

6.ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 97,299,171 โดส ได้แก่
1.อินโดนีเซีย จำนวน 45,495,972 โดส (11.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
2.ฟิลิปปินส์ จำนวน 11,016,198 โดส (7.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V และ AstraZeneca
3.ไทย จำนวน 10,572,292 โดส (11.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4.มาเลเซีย จำนวน 8,346,697 โดส (18.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
5.กัมพูชา จำนวน 7,558,008 โดส (26%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca และ Sinovac
6.สิงคโปร์ จำนวน 5,551,613 โดส (58.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Moderna
7.เวียดนาม จำนวน 3,842,646 โดส (3.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
8.พม่า จำนวน 3,368,042 โดส (N/A* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
9.ลาว จำนวน 1,460,294 โดส (12,4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V และ AstraZeneca
10.บรูไน จำนวน 87,409 โดส (16.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
*คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ

7.จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1.เอเชียและตะวันออกกลาง 63.06%
2.อเมริกาเหนือ 13.87%
3.ยุโรป 15.25%
4.ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 5.95%
5.แอฟริกา 1.56%
6.โอเชียเนีย 0.3%

8.ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 4 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1.จีน จำนวน 1,264.15 ล้านโดส (45.1% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2.สหภาพยุโรป จำนวน 375.57 ล้านโดส (42.3%)
3.อินเดีย จำนวน 344.10 ล้านโดส (12.6%)
4.สหรัฐอเมริกา จำนวน 328.81 ล้านโดส (51.4%)
5.บราซิล จำนวน 102.86 ล้านโดส (24.5%)

9.ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1.สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (71.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
2.บาห์เรน (69.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
3.มัลดีฟส์ (68.0% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford และ Sinopharm)
4.ชิลี (59.9%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
5.อิสราเอล (59.7%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
6.สหราชอาณาจักร (58.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
7.กาตาร์ (57.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech)
8.อุรุกวัย (57.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinovac)
9.มองโกเลีย (55.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Sputnik V)
10.ฮังการี (53.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)

ขณะที่ก่อนหน้านี้ (2 กรกฎาคม 2564) ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์ สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว เป็นจำนวนถึง 10,000,000 โดส โดยใช้เวลาเพียง 23 วันในการฉีด 5 ล้านโดสหลังนี้

พร้อมเปิด 10 สถิติสำคัญ ดังนี้

1.ประเทศไทยได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วถึง 10,000,000 โดส โดยหนึ่งล้านโดสแรกใช้เวลาถึง 54 วัน และใช้เวลารวม 101 วันในการฉีดครบห้าล้านโดสแรก แต่ได้เร่งความเร็วในการฉีดเมื่อประกาศเป็นวาระแห่งชาติ โดยใช้เวลาเพียง 23 วันในการฉีดอีกห้าล้านโดส ขณะนี้มีประชากร 11.1% ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 แล้วอย่างน้อยหนึ่งเข็ม และมี 4.3% ที่ฉีดครบสองเข็มแล้ว

2.ใช้วัคซีนโควิด-19 จำนวน 3 ชนิด ได้แก่ ซิโนแวค (62.6% ของจำนวนโดส), แอสตร้าเซนเนก้า (36.8%) และซิโนฟาร์ม (0.6%) แต่ในแง่จำนวนคนนั้น มีคนที่ได้วัคซีนสองชนิดจำนวนพอๆ กัน คือ 3,705,978 คน ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า และ 3,600,823 คน ได้รับวัคซีนซิโนแวค

3.ขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 ในไทยแล้ว 6 ชนิด และอยู่ระหว่างดำเนินการขึ้นทะเบียนอีก 2 ชนิด

4.ประเทศไทยมีจำนวนการฉีดวัคซีนเป็นอันดับ 3 ในอาเซียน และร้อยละการครอบคลุมประชากรเป็นอันดับที่ 7

5.วัคซีนที่ใช้มีความปลอดภัยสูง โดย 94.28% ของผู้ฉีดไม่มีรายงานผลข้างเคียง

6.วัคซีนสามารถลดการเจ็บป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตได้ดี จากผลการติดตามการใช้งานจริงที่ภูเก็ต สมุทรสาคร และเชียงราย

7.จังหวัดภูเก็ต ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ครอบคลุมประชากรมากที่สุด โดย 70.25% ของคนภูเก็ตได้รับวัคซีนแล้ว และ 56.09% ฉีดวัคซีนครบสองเข็มแล้ว ส่วนกรุงเทพมหานครได้รับวัคซีนแล้ว 32.36% ของประชากร และ 10.73% ฉีดครบสองเข็มแล้ว

8.วัคซีนที่วิจัยและพัฒนาโดยคนไทยอย่างน้อย 3 ชนิด กำลังทดสอบในมนุษย์

9.คนไทยมากกว่า 50 ล้านคน จะได้รับวัคซีนภายในปี 2564

10.เป้าหมายการจัดหาวัคซีนหลักอยู่ที่ 150 ล้านโดส โดยเจรจาแล้ว 105.5 ล้านโดส และมีแผนจัดหาเพิ่มเติมอีกประมาณ 50 ล้านโดส

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image