สธ. ถก ใช้ชุดตรวจโควิด ‘แรพิดเทสต์’
เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ตามที่กระแสข่าวว่าเร็วๆ นี้ สธ.จะให้ประชาชนใช้ชุดตรวจโควิดประเภทแรพิดแอนติเจนเทสต์นั้นจะมีการดำเนินการจริงแต่จะต้องกำหนดกติการ การนำไปใช้อย่างถูกต้อง ซึ่งแนวทางดังกล่าวเพื่อให้ให้ประชาชนได้เข้าถึงการตรวจไวรัสโควิด ในสถานการฉุกเฉินภาวะโรคระบาด ได้มากขึ้น โดยปัจจุบันมีชุดตรวจดังกล่าววางขายในประเทศไทยแล้ว
นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า สธ.มีแนวคิดที่จะนำชุดแรพิดแอนติเจนเทสต์มาให้ประชาชนใช้ตรวจหาเชื้อโควิดจริงซึ่งในวันที่ 12 กรกฎาคมนี้จะมีการหารือในที่ประชุมกระทรวงสาธารณสุขอีกครั้งหนึ่งในรายละเอียด เนื่องจากปัจจุบันชุดตรวจดังกล่าวส่วนใหญ่จะใช้อยู่ในโรงพยาบาลและจะมีคำอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ หากจะให้ประชาชนนำไปใช้อาจจะต้องมีคำอธิบายวิธีการใช้เป็นภาษาไทย
รายงานข่าวแจ้งว่าในการประชุม 12 กรกฎาคมจะต้องมีการหารือเรื่องวิธีการใช้ชุดแรพิดแอนติเจนเทสต์ว่าจะให้ประชาชนนำไปตรวจเองที่บ้าน หรือให้ตรวจในโรงพยาบาลโดยจัดห้องตรวจให้ ทั้งนี้การนำชุดตรวจนี้มาใช้จะช่วยลดความแออัดของประชาชนที่รอตรวจหาเชื้อโควิดด้วยวิธีสวอปตามจุดต่างๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงว่าที่ประชุมสธ.ได้เสนอมาตรการ ใช้ แรพิดแอนติเจนเทสต์ (Rapid Antigen Test) เป็นการตรวจองค์ประกอบไวรัส จะเก็บตัวอย่างจากทางจมูก ลึกถึงคอหรือเก็บจากลำคอ จากเดิมที่ใช้ RT-PCR ที่ต้องใช้เวลานาน แต่หากมีการติดเชื้อจำนวนมาก ก็จะทำให้ล่าช้า และระหว่างนั้นก็อาจมีการแพร่ระบาดของเชื้อออกไป จึงมีการตกลงกันว่า จะใช้ “แรพิดแอนติเจนเทสต์” เข้ามาตรวจ ช่วงแรกจะให้ใช้ในสถานพยาบาลที่ขึ้นทะเบียน และมีเตียงรองรับการตรวจสามารถดำเนินการได้ทั้งบุคลากรและประชาชนตรวจได้ด้วยตัวเอง เมื่อมาตรวจแรพิดเทสต์ที่สถานพยาบาล หากเป็นผลลบ ก็กลับบ้านได้ และหากเป็นผลบวก ก็จะใช้การตรวจ RT-PCR ตรวจซ้ำ เพื่อเข้าสู่ระบบการรักษาต่อไป นอกจากนี้ สธ. จะพยายามให้เข้าถึงการตรวจด้วยการทำชุดตรวจแบบตรวจเองที่บ้าน แต่ตอนนี้ยังไม่มี เพราะต้องมีการวางระบบมารองรับ ตรงนี้จะเป็นระยะต่อไป
