ไม่ได้รู้สึกตัวช้า! ‘อนุทิน’ ยันไม่ผิดพลาดไทยไม่เข้าโคแวกซ์ ลั่นสิ้น ก.ค.กำวัคซีน 27 ล้านโดส รับบริจาคอีก 3.5 ล้านโดส
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่มีข่าวการเปิดเผยตัวเลขการจัดส่งวัคซีนภายใต้โครงการโคแวกซ์ (COVAX) ในปี 2564 ซึ่งจะพบว่า ในทวีปเอเชีย ประเทศที่รับได้มากที่สุดคือ อินโดนีเซีย สะสมที่ 14.5 ล้านโดส โดยเป็นวัคซีนจากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ว่าเห็นข้อมูลที่สื่อต่างๆ นำเสนอแล้ว ซึ่งค่อนข้างตรงกับข้อมูลที่ สธ.และสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ได้นำเสนอต่อประชาชน อย่างที่ตนได้รับรายงานว่า ข้อมูล ณ วันที่ 22 ก.ค.64 โคแวกซ์ส่งมอบวัคซีนไปแล้วจำนวน 136 ล้านโดส ใน 136 ประเทศ เฉลี่ยแล้วก็ประเทศละ 1 ล้านโดส แต่เมื่อมีข้อมูลจากสำนักข่าวออกมาล่าสุด เช่น อินโดนีเซีย ได้รับสูงสุดที่ 14 ล้านโดส และไปดูจำนวนของประเทศอื่นๆ ก็จะได้น้อยกว่า 1 ล้านโดส ด้วยซ้ำ หรือฟิลิปปินส์ ส่งมอบแล้ว 8 ล้านโดส มาเลเซีย 8 แสนโดสเท่านั้น
นายอนุทินกล่าวว่า หากมองในมุมของประเทศไทยที่มีการซื้อวัคซีนตรงกับบริษัทผู้ผลิตที่เราตกลงกันไว้ตั้งแต่เดือนกันยายน 63 ทำให้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 64 จนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 64 ไทยเรามีวัคซีนรวมสะสมทั้งสิ้นประมาณ 27 ล้านโดส แบ่งเป็น แอสตร้าฯ ราว 12 ล้านโดส และซิโนแวคอีก 15 ล้านโดส และยังมีส่วนที่ได้รับการบริจาคอีกราว 3.5 ล้านโดส “เป็นวัคซีนแอสตร้าฯ 1 ล้านโดส ที่เราได้รับจากประเทศญี่ปุ่น วัคซีนซิโนแวค 1 ล้านโดส จากประเทศจีน และวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส ที่จะเข้ามาปลายเดือนนี้ ดังนั้น เหตุผลต่างๆ จะดูเฉพาะจุดไม่ได้ เช่น เหตุผลว่าทำไมไทยไม่เข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ตั้งแต่ต้น เพราะการที่เราต้องนำเงินไปวางเพื่อจองวัคซีน ที่ไม่รู้ว่าจะได้เมื่อไหร่ หรือจะได้กี่โดส ก็อาจจะส่งผลกระทบกับแผนการจัดหาวัคซีนหลักประเทศที่เราก็จะต้องนำเงินไปวางเพื่อสั่งซื้อเช่นกัน เราจึงต้องล็อกเป้าในการจัดหาวัคซีนหลักให้ประเทศด้วยการซื้อตรงกับผู้ผลิต และเราไม่ได้หวังว่าวัคซีนจากโคแวกซ์จะเป็นแผนหลักของเรา แต่ที่สำคัญคือเราต้องดิ้นรนหาวัคซีนมาให้ได้ในปริมาณที่มากที่สุด เราจึงต้องติดต่อโดยตรงกับผู้ผลิตแต่ละเจ้า” นายอนุทินกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงเหตุผลที่ไทยจะเข้าร่วมโคแวกซ์ในปี 2565 เนื่องจากรู้สึกตัวช้าหรือไม่ หรือตัดสินใจพลาดหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า วันนี้มีข้อมูลประจักษ์แล้วว่า แม้แต่บางประเทศที่มีการจองจำนวนมากหรือมีจำนวนประชากรมหาศาล ก็ไม่ได้แปลว่าจะได้รับการจัดสรรวัคซีนจำนวนมาก หากไทยจองด้วยก็ไม่ได้ยืนยันว่าเราจะได้มาก อาจจะได้รับ 1-2 ล้านโดส แต่อย่างที่เห็นแล้วว่าแผนจัดหาวัคซีนหลักของเรา ก็หาได้ถึง 27 ล้านโดสแล้ว ทั้งนี้ วัคซีนก็ยังเป็นสินค้าที่ทุกประเทศต้องการอยู่ เราต้องอยู่กับโควิด-19 อีกระยะหนึ่ง ยิ่งมีสายพันธุ์ใหม่ เราก็ยิ่งต้องติดต่อตรงกับผู้ผลิต เพื่อให้ได้วัคซีนรุ่นใหม่ๆ ที่เขาสามารถจัดสรรให้เราได้โดยตรง
“เราไม่ได้รู้สึกตัวช้า เราติดต่อกับโคแวกซ์มาอย่างต่อเนื่อง มีคณะทำงานที่ตั้งขึ้นมาเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้โดยเฉพาะ และทุกวันนี้เราก็ยังติดต่อระหว่างกันอยู่ ไม่ใช่ว่าผิดพลาดเพราะเราตัดสินใจไม่จองวัคซีนโคแวกซ์ และที่เราจะพิจารณาเข้าร่วมโคแวกซ์ในปีหน้า เพราะสถานการณ์เปลี่ยนไป เราก็วิเคราะห์ตามสถานการณ์จริง โดยการที่ผู้ผลิตได้ส่งมอบวัคซีนให้แก่ประเทศรายได้สูงที่จองไว้จนเกินพอในปีนี้ และเริ่มมีการบริจาคออกมา เราก็ดูสถานการณ์ปี 2565 วิเคราะห์แล้วว่า หลังจากที่บริษัทผู้ผลิตวัคซีนส่งวัคซีนให้กับประเทศรายได้สูงจนเกินพอ ต่อไปก็คาดว่าจะมีวัคซีนเข้ามาเพื่อจัดสรรให้แต่ละประเทศได้มากขึ้น” นายอนุทินกล่าว
เมื่อถามว่า กระแสข่าวที่รัฐมนตรีว่าการ สธ. ลงพื้นที่รับส่งผู้ป่วยโควิด-19 หลายคนก็ออกมาวิจารณ์กันว่าสร้างภาพ นายอนุทินกล่าวว่า ตนอยู่ในหน้าที่ตรงนี้ ถ้าทำอะไรแล้วมีคนวิจารณ์ก็รับฟังทุกเรื่อง อะไรที่มีประโยชน์ก็รับมาปฏิบัติด้วยซ้ำ
“เอาเวลาที่นั่งคิดว่าใครวิจารณ์ยังไง ไปทำอย่างอื่น เดินหน้าแก้ปัญหา ไปรับผู้ป่วยออกจากบ้านคงจะมีประโยชน์มากกว่า ทำด้วยความสำนึกในหน้าที่ ไม่ต้องสร้างภาพมันก็ปรากฏออกมาเอง” นายอนุทินกล่าว