อธิบดีกรมควบคุมโรค ส่งหนังสือถึงผวจ.ทั่วปท. เร่งฉีดวัคซีนให้กลุ่มเสี่ยงตามลำดับ

อธิบดีกรมควบคุมโรค ส่งหนังสือถึงผวจ.ทั่วปท. เร่งฉีดวัคซีนให้กลุ่มเสี่ยงตามลำดับ

เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ได้ลงนามในหนังสือคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เรื่อง แจ้งแนวทางการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงเพิ่มเติม โดยส่งถึง ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด

มีสาระสำคัญคือ ด้วยสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบันที่ยังคงระบาดต่อเนื่อง ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วยมีโอกาสสัมผัสเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้น ตามจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาที่เพิ่มมากขึ้น ผู้ป่วยส่วนหนึ่งต้องสูญเสียชีวิต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้มีโรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ที่เมื่อป่วยด้วยโรคโควิด-19 จะมีความรุนแรงของโรคและมีโอกาสเข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยวิกฤตเพื่มขึ้น มีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าคนปกติ

เพื่อบริบาลระบบสาธารณสุขของประเทศไทย และเพิ่มประสิทธิภาพการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคด้วยวัคซีนโควิด -19 ทุกชนิดที่มีให้บริการในประเทศไทยขณะนี้ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2564 มีมติให้ฉีดวัคซีนโควิด-9 เข็มกระตุ้นให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า เป็นเข็มที่ 3 และการให้วัคซีนโควิด-19 แบบสลับชนิด

Advertisement

ประกอบกับในการประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 2564 มีมติเห็นชอบให้กลุ่มหญิงตั้งครรภ์เป็นกลุ่มเสี่ยงเพิ่มเติมที่ควรได้รับวัคซีนโควิด-19 และจากการประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคโควิด-19 เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2564 และข้อสั่งการวันที่ 18 ก.ค. 2564 ให้จัดระบบการฉีดวัคซีนสลับชนิดในกลุ่มประชากรกลุ่มเสี่ยงทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้แก่ ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป โดยฉีดวัคซีนซิโนแวคเป็นเข็มที่ 1 และวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เป็นเข็มที่ 2 กรณีจังหวัด ที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดในระดับควบคุมสูงสุดและเข้มงวดให้พิจารณาฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าครบทั้ง 2 เข็ม

กรมควบคุมโรค ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ

ขอสรุปสาระสำคัญจากมติการประชุมและข้อสั่งการที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด19 แก่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ดังนี้

Advertisement

1.วัคซีนที่จัดสรรในช่วงเดือนก.ค.-ส.ค. 2564 ขอให้เร่งรัดในกลุ่มเป้าหมายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ แบ่งเป็น 3 ประเภท ประกอบด้วย ประเภทที่ 1 กลุ่มเป้าหมายที่มีความเสี่ยงป่วยรุนแรงและเสียชีวิต ได้แก่ ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค รวมถึง หญิงตั้งคหรรภ์ที่มีอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป ประเภทที่ 2 บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าที่ดูแลผู้ป่วยโควิด19 โดยได้รับวัคซีนซิโนแวคไปแล้ว 2 เข็ม อย่างน้อย 4 สัปดาห์ขึ้นไป และต้องการฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ประเภทที่ 3 กลุ่มเป้าหมายที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็มที่ 1 และครบกำหนดนัดรับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเข็มที่ 2

2.การจัดบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ให้ฉีดวัคซีนเมื่ออายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป ณ คลนิกรับฝกาครรภ์ของสถานพยาบาล หรือจุดให้บริการวัคซีนปกติ(หากมีความจำเป็น) ซึ่งสามารถรับวัคซีนโควิด-19 ทุกชนิดที่มีให้บริการในประเทศไทยขณะนี้

3.การให้วัคซีนโควิด-19 สลับชนิดในพื้นที่ ขอให้ถือแนวทาง ดังนี้
3.1 สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา สมุทรสาคร นครปฐม สงขลา ยะลา ปัตตานีและนราธิวาส

แบ่งเป็น 3.1.1 กลุ่มผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคเรี้อรัง 7 กลุ่มโรค รวมถึงหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป ให้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม โดยฉีดห่างกัน 12 สัปดาห์ ทั้งนี้ สามารถฉีดวัคซีนด้วยชนิดหรือวิธีอื่นใดตามดุลยพินิจของแพทย์ ขึ้นอยู่กับชนิดของวัคซีนและปริมาณที่มี

3.1.2 กลุ่มเป้าหมายอื่น อาจให้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็มหรือให้รับวัคซีนซิโนแวคเป็นเข็มที่ 1 และวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นเข็มที่ 2 ขึ้นอยู่กับชนิดของวัคซีนและปริมาณที่มี

3.2 สำหรับจังหวัดอื่น นอกเหนือจากข้อ 3.1 ให้ทุกกลุ่มเป้าหมายรับวัคซีนซิโนแวคเป็นเข็มที่ 1 และวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นเข็มที่ 2 โดยให้ฉีดห่างกัน 3-4 สัปดาห์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image