ศบค.แจง เข็ม 3 ‘ด่านหน้า’ แอสตร้าฯฉีดแล้วกว่าแสน ไฟเซอร์เกือบ 4 หมื่น ปมจัดส่งไฟเซอร์น้อย ชี้ กระจายก่อน 50-60% รอดูศักยภาพการฉีดแต่ละจุดก่อนจัดสรรเพิ่ม
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ที่ ศบค.ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ตอบข้อซักถามถึงความคืบหน้าการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 โดยเฉพาะการฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์และด่านหน้า ว่า รายงานวัคซีนเข็ม 3 โดยเฉพาะที่เป็นเข็มกระตุ้นภูมิของบุคลากรทางการแพทย์ จะมีการนำเสนอรายละเอียดให้ทราบเป็นประจำทุกๆ วัน เพื่อที่จะได้เห็นข้อมูล ในส่วนของบุคลากรที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ตัวเลขล่าสุดในวันนี้ วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเพิ่ม 900 เข็ม หากร่วมนับตั้งแต่ 28 กุมภาพันธ์เป็นต้นได้มีบุคคลรับการฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 ไปแล้ว 182,082 ราย ส่วนของวัคซีนไฟเซอร์บวกเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 23,481 ราย รวมเป็น 39,483 ราย
ผู้สื่อข่าวถามว่า การจัดส่งวัคซีนไฟเซอร์ที่ตัวเลขจัดส่งน้อยกว่าตัวเลขที่มีการแจ้งความประสงค์เข้ามา พญ.อภิสมัย กล่าวว่า การกระจายวัคซีนไฟเซอร์เบื้องต้นกรมควบคุมโรค ส่งให้ 50-60% ในความต้องการของบุคลากรที่ได้สำรวจไว้ก่อน และหลังจากนั้นจะมีการสำรวจศักยภาพการฉีดแต่ละจุดและจัดสรรให้เพิ่มเติมแน่นอน โดยตั้งแต่ 5-6 สิงหาคม กรมควบคุมโรคได้จัดสรรวัคซีนล็อตแรกลงยังหน่วยฉีดเรียบร้อย ซึ่งต้องเน้นย้ำว่าทุกๆ จังหวัดไม่ใช่ทุกโรงพยาบาลฉีดได้ จะมีการกำหนดหน่วยฉีดโดย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) จะกำกับเพราะวัคซีนไฟเซอร์ มีรายละเอียดเรื่องการขนส่งการเก็บอุณหภูมิที่ถูกต้องดังนั้นในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา วันที่ 7-9 สิงหาคม เริ่มฉีดในหน่วยบริการและในส่วนของการกำกับติดตาม นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ย้ำทุกหน่วยฉีดขอให้ทางสสจ.จังหวัดกำกับและติดตามด้วย ในส่วนของความโปร่งใสก็เป็นสิ่งที่สังคมต้องการเห็นขอให้จุดฉีดทุกจุดรายงานมาด้วย ร่วมถึงวัคซีนไฟเซอร์จะมีกลุ่มนักเรียนที่ต้องเดินทางศึกษาต่อในต่างประเทศขอให้ติดต่อลงทะเบียน ซึ่งในส่วนของกทม.และต่างจังหวัดจะมีการสแกนคิวอาร์โค้ดที่ต่างกันขอให้ดูรายละเอียด ในส่วนของการลงทะเบียนของให้สแกนคิวอาร์โค้ดและจากนั้นจะได้รับอีเมล์ยืนยันการลงทะเบียนและมีการนัดหมายผ่านข้อความทางโทรศัพท์เพื่อนัดหมายการฉีดวัคซีน
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ข้อมูลต่างๆ ทางกระทรวงสาธารณสุขขอเน้นย้ำว่า ระบบคอมมูนิตี้ไอโซเรชั่น หรือโฮมไอโซเรชั่น การดำเนินการไม่ว่าจากภาครัฐ เอกชนหรือประชาสังคม จะมีการรวบร่วมเข้าระบบเดียวกันฐานข้อมูล สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เร็วๆนี้ ขอให้โรงพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยเหล่านี้ติดตามในเรื่องของการลงข้อมูลด้วย เพื่อเป็น ประโยชน์ในการบริหารจัดการได้
