อภ.เผยวัคซีนโควิด HXP–GPOVac เริ่มวิจัยในมนุษย์ เฟส 2

อภ.เผยวัคซีนโควิด HXP–GPOVac เริ่มวิจัยในมนุษย์ เฟส 2

เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม องค์การเภสัชกรรม (อภ.) เปิดเผยว่า อภ.เริ่มวิจัยวัคซีนโควิด-19 HXP–GPOVac ในมนุษย์ระยะที่ 2 หลังการศึกษาวิจัยในมนุษย์ระยะที่ 1 ประสบผลสำเร็จ และคาดกลางปี 2565 เริ่มผลิตเพื่อนำไปใช้ได้

นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการ อภ.แถลงว่า หลังจากที่ อภ.ได้ดำเนินการวิจัยพัฒนากระบวนการผลิตวัคซีน และได้ทำการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด HXP–GPOVac จนสำเร็จในขั้นแรก และนำเข้าสู่ขั้นตอนของการศึกษาวิจัยในมนุษย์ นับเป็นวัคซีนโควิดชนิดแรกของประเทศไทย ที่ได้วิจัยในมนุษย์ ซึ่งขณะนี้การศึกษาวิจัยในมนุษย์ในระยะที่ 1 ได้ผลการวิเคราะห์ภูมิคุ้มกันที่ 14 วัน หลังจากได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว โดยในวันนี้ (16 สิงหาคม 2564) อภ.ได้เริ่มทำการศึกษาวิจัยในมนุษย์ระยะที่ 2 โดยวิจัยในอาสาสมัคร จำนวน 250 คน อายุ 18-75 ปี ที่มีสุขภาพดี ไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทุกชนิดมาก่อน และไม่เคยเป็นผู้ป่วยโควิด-19 มาก่อน โดยการศึกษาวิจัยในมนุษย์ระยะที่ 1 และระยะที่ 2 อภ.ได้ให้คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นผู้ดำเนินการศึกษาวิจัย โดยมี ศ.พญ.พรรณี ปิติสุทธิธรรม หัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์เขตร้อน รักษาการหัวหน้าศูนย์วัคซีน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหิดล เป็นหัวหน้าโครงการศึกษาวิจัยในมนุษย์

นพ.วิฑูรย์ กล่าวว่า อภ.ได้พัฒนาวัคซีน HXP–GPOVac โดยการสนับสนุนจากองค์กรแพท (PATH) ที่ได้ส่งมอบหัวเชื้อวัคซีนต้นแบบซึ่งพัฒนาโดยโรงเรียนแพทย์ที่เมาท์ไซนาย (The Icahn School of Medicine at Mount Sinai) และมหาวิทยาลัยเท็กซัสที่ออสติน (University of Texas at Austin) ประเทศสหรัฐอเมริกา มาทำการผลิตที่โรงงานผลิต (วัคซีน) ชีววัตถุ ของ อภ.ที่ ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ซึ่งได้มีการวิจัยพัฒนากระบวนการผลิตและสามารถผลิตวัคซีน HXP–GPOVac จากนวัตกรรมเชื้อตายชนิดลูกผสม (Inactivated chimeric vaccine) ผลิตด้วยเทคโนโลยีไข่ไก่ฟัก (Egg-based) เช่นเดียวกับการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ และนำเข้าสู่กระบวนการวิจัยในมนุษย์ได้สำเร็จในระยะเวลา 10 เดือน

Advertisement

“เมื่อการศึกษาวิจัยในมนุษย์ครบทั้ง 3 ระยะ และได้รับการขึ้นทะเบียนตำรับ เพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน (Emergency Use Authorization, EUA) จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สำเร็จ คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในกลางปี 2565 โดยจะสามารถผลิตได้ 20-30 ล้านโดสต่อปี และจะทำการขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง ในเบื้องต้นนี้ วัคซีน HXP–GPOVac จะสามารถรองรับการฉีดเพื่อป้องกันโควิด-19 ให้ชาวไทยได้ 10-15 ล้านคน” ผู้อำนวยการ อภ.กล่าว

ด้าน ภญ.พรทิพย์ วิรัชวงศ์ หัวหน้าโครงการวัคซีน HXP–GPOVac อภ. กล่าวว่า หัวเชื้อวัคซีนต้นแบบนี้ ได้พัฒนาจากนวัตกรรมการตัดต่อไวรัสนิวคาสเซิล (Newcastle disease virus, NDV) ให้มีการแสดงออกของโปรตีนหนามของไวรัสโคโรนาที่ได้ถูกปรับแต่งด้วยเทคโนโลยีเฮกซะโปร (HexaPro) ให้มีความคงตัวมากขึ้น มาใช้ในการกระตุ้นร่างกายให้สร้างภูมิคุ้มกันต้านโรคโควิด-19 เทคโนโลยีเฮกซะโปรนี้ ถูกพัฒนาที่มหาวิทยาลัยเท็กซัสฯ โดยนักวิจัยกลุ่มเดียวกับที่ได้พัฒนาโปรตีนหนามรุ่นแรกที่ใช้ในวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อย 3 ชนิดที่มีการใช้อยู่ทั่วโลก ทั้งนี้ องค์กรแพท ได้ส่งมอบหัวเชื้อไวรัส ให้แก่ 3 ผู้ผลิตวัคซีนในประเทศเวียดนาม ประเทศบราซิล รวมทั้ง อภ.ของประเทศไทยด้วย วัคซีน HXP–GPOVac นับเป็นความมั่นคง ลดการนำเข้า และเป็นการพึ่งพาตนเองด้านวัคซีนของประเทศอย่างยั่งยืน และยังส่งผลต่อความมั่นใจในการดำเนินชีวิตและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสังคมไทย

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image