สธ.แนะ ปชช.ป้องกันตนเองสูงสุดทุกกิจกรรม กลุ่ม 608 ใน 13 จว.เข้มไปรับวัคซีนไฟเซอร์

สธ.แนะ ปชช.ป้องกันตนเองสูงสุดทุกกิจกรรม กลุ่ม 608 ใน 13 จว.เข้มไปรับวัคซีนไฟเซอร์

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ส่วนใหญ่เป็นการติดจากคนใกล้ชิด เพื่อนร่วมงาน และคนในครอบครัว โดยไม่สามารถรู้ได้ว่าตัวเราหรือคนรอบตัวติดเชื้อหรือไม่ ดังนั้น ทุกคนจึงต้องป้องกันตนเองอย่างสูงสุด (Universal Prevention) โดยไม่ทำกิจกรรมรวมกลุ่ม แยกรับประทานอาหารคนเดียว สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่นแม้ในบ้าน เพื่อลดโอกาสรับเชื้อและแพร่เชื้อให้คนอื่น โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้มีโรคเรื้อรัง 7 โรค และหญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป หรือกลุ่ม 608 ขอให้ไปรับการฉีดวัคซีนเพื่อลดความรุนแรงและเสียชีวิต

นพ.โอภาสกล่าวว่า ในสัปดาห์นี้ กรมควบคุมโรคได้จัดสรรวัคซีนไฟเซอร์สำหรับกลุ่ม 608 เพิ่มจากสัปดาห์ก่อนที่เน้นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อฉีดในเดือนสิงหาคม 2564 จำนวน 645,000 โดส ใน 13 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร ฉะเชิงเทรา ชลบุรี นครปฐม นนทบุรี นราธิวาส ปทุมธานี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา ยะลา สงขลา สมุทรปราการ และสมุทรสาคร ขณะนี้โรงพยาบาล (รพ.) หลายแห่งได้เริ่มฉีดแล้ว เช่น สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา คาดว่าทุกแห่งจะดำเนินการได้ในสัปดาห์นี้ โดยนับตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา มีผู้ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 24 ล้านโดส เป็นเข็มที่ 1 จำนวน 18.3 ล้านคน (ความครอบคลุมร้อยละ 25.5) ครบ 2 เข็ม จำนวน 5.2 ล้านคน (ความครอบคลุมร้อยละ 7.1) และฉีดกระตุ้นเข็ม 3 อีก 5 แสนคน ในจำนวนนี้เป็นผู้ที่ได้วัคซีนไฟเซอร์ 3 แสนคน ที่เหลือเป็นวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า

Advertisement

“สำหรับชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยนั้น ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์-วันที่ 14 สิงหาคม 2564 ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ไปแล้ว 356,337 คน คิดเป็นร้อยละ 7.27 ของชาวต่างชาติทั้งหมดในประเทศไทย ในจำนวนนี้ฉีดครบ 2 เข็ม 107,106 คน ส่วนผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ฉีดแล้ว 27,028 คน คิดเป็นร้อยละ 7.6 โดย 10 สัญชาติที่ได้รับวัคซีนมากที่สุด ได้แก่ เมียนมา จีน กัมพูชา ลาว ญี่ปุ่น อินเดีย ฟิลิปปินส์ บริติส ฝรั่งเศส และอเมริกัน ตามลำดับ” นพ.โอภาสกล่าว

อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า ล่าสุดนี้สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้ยืนยันว่าจะบริจาควัคซีนไฟเซอร์ให้ประเทศไทยอีก จำนวน 1 ล้านโดส ซึ่งกรมควบคุมโรคจะเร่งนำเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการบริหารจัดการวัคซีนไฟเซอร์ เพื่อวางแผนการจัดสรรล่วงหน้าให้ทันต่อสถานการณ์ปัจจุบัน เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด เพื่อควบคุมสถานการณ์การระบาดโรคโควิด-19 ให้ได้เร็วที่สุด

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image