วัคซีนคนไทยสำเร็จ ‘ChulaCov 19’ โฆษกรบ. แย้ม ใช้จริง เม.ย.ปีหน้า

วัคซีนคนไทยสำเร็จ ‘ChulaCov 19’ โฆษกรบ. แย้ม ใช้จริง เม.ย.ปีหน้า กระตุ้นภูมิชนิดแอนตี้บอดี้เทียบ mRNA-ปรับพันธุกรรมตามเชื้อที่กลายพันธุ์ได้

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ ”แจงให้เคลียร์กับทีมโฆษกรัฐบาล” ถึงการพัฒนาวัคซีนของคนไทย ว่า วันนี้มีการฉีดวัคซีนไปแล้วประมาณ 25,818,666โดส แบ่งเป็นเข็มแรกเข็ม 19,586,009 โดส เข็มที่สอง5,705,200โดส และเข็มบูสเตอร์ 527,457โดส ทั้งซิโนแวค เอสตราเซเนก้า โมเดอร์นา ไฟเซอร์ ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อน้อยกว่าหายป่วยกลับบ้าน เห็นได้ว่าเป็นความพยายามของแพทย์และพยาบาลที่จะดูแลระบบสาธารณสุข สุขภาพของคนไทยให้เป็นไปด้วยดี

นอกเหนือจากวัคซีนที่เราได้หามาจากต่างประเทศยังมีวัคซีนที่พัฒนาในประเทศไทย ใน2ส่วนส่วนแรก พัฒนาโดยจุฬาฯคือ Chula Cov19 ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ สภากาชาดไทย และศูนย์วิจัยวัคซีนคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย โดยมีแพทย์นักวิทยาศาสตร์ผู้คิดคนเทคโนโลยีการผลิต แบบmRNAดูการผลิตและวิจัยโดยตรง วัคซีนชนิดนี้จะใช้เหมือนกับวัคซีนชนิดmRNA และคาดว่าจะเตรียมใช้จริงช่วงเดือนเมษายนปี2565 โดยวัคซีนของไทยสามารถเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิ2-8องศาเซลเซียส ได้นานถึง3เดือนและเก็บในอุณหภูมิห้อง 25 องศาเซลเซียสได้นาน2สัปดาห์ และยังสามารถผลิตได้เร็ว สามารถสังเคราะห์ในหลอดทดลองได้ภายใน4สัปดาห์โดยไม่ต้องรอเพราะเลี้ยงเชื้อ รวมถึงสามารถปรับแต่งพันธุกรรมตามเชื้อที่กลายพันธุ์ได้ เมื่อสำเร็จจะมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้บริษัทไบโอเนท-เอเชีย จำกัด

นายอนุชา กล่าวว่า จากผลการทดลองในกลุ่มอาสาสมัครสามารถกระตุ้นภูมิชนิดแอนตี้บอดี้ได้เทียบเท่ากับวัคซีนmRNA สามารถยับยั้งการจับโปรตีนกลุ่มน้ำได้ถึง 94 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับวัคซีนไฟเซอร์ และไม่มีผลข้างเคียงรุนแรงรุนแรง มีเพียงอ่อนเพลียไข้ต่ำหนาวสั่นบ้างสำหรับผู้ที่ได้รับเข็มสองอาการดีขึ้นภายใน1-2วัน

Advertisement

นายอนุชา กล่าวว่า ส่วนที่สองคือวัคซีนใบยา ของบริษัทใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด ซึ่งพัฒนาโดยเซลล์พืช เรียกว่าใบยาฟาร์มมิ่ง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีผลิตโมเลกุลโปรตีน ได้อย่างง่ายและรวดเร็ว ต้นทุนต่ำกว่าชนิดอื่น และเป็นการวิจัยผลสำเร็จครั้งแรกในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คาดว่าภายในปลายเดือนสิงหาคมหรือต้นกันยายนจะเริ่มคัดเลือกอาสาสมัครเพื่อมาทดสอบในระยะที่หนึ่ง หากทดสอบในคนผ่านทุกระยะและปลอดภัย คาดว่าจะเริ่มผลิตและใช้วัคซีนชนิดนี้ได้กลางปี 2565หรือไตรมาสที่สามโดยจะผลิตได้ประมาณ 5ล้านโดส หรือ60ล้านโดส ต่อปี

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image