ผู้นำเข้าเอทีเคเล่อปู๋ไม่ทน! ประกาศขายปชช.เองชุดละ 75 บาท เปิดพรีออร์เดอร์ 8.5 ล้านชิ้น
ความคืบหน้ากรณีบริษัท เวิลด์ เมดิคอล อัลไลแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท ออสท์แลนด์ ผู้นำเข้าชุดตรวจแอนติเจน เทสต์ คิท หรือ เอทีเค ยี่ห้อเล่อปู๋ (LEPU) และชนะประมูลการจัดซื้อชุดตรวจเอทีเค จำนวน 8.5 ล้านชิ้น ที่องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ดำเนินการแทนสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี กรณีมีข้อสั่งการให้หน่วยงานที่จัดซื้อเอทีเคต้องได้รับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และองค์การอนามัยโลก (WHO) ชี้แจงคุณภาพของผลิตภัณฑ์เอทีเคของบริษัท ภายใต้ชื่อ “SARS-CoV-2 Antigen Rapid Test” ซึ่งผลิตโดย Beijing Lepu Medical Technology Co., Ltd. จากสาธารณรัฐประชาชนจีน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถลงนามซื้อขายกับ อภ.ได้นั้น
เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม นางศิริญา เทพเจริญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท ณุศาศิริ (มหาชน) และกรรมการบริหาร บริษัท เวิลด์ เมดิคอล อัลไลแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด แถลงว่า ในภาวะที่ประเทศไทยเจอวิกฤตจากโควิด-19 ขนาดนี้ ประชาชนทุกคนเดือดร้อนแสนสาหัส ธุรกิจพังพินาศ การท่องเที่ยวที่เป็นเส้นเลือดรายได้หลักของประเทศดำเนินต่อไปไม่ได้
“ประเทศเราชัต ดาวน์ขนาดนี้ ในฐานะภาคเอกชนที่คลุกคลีอยู่ในวงการอสังหาฯ การท่องเที่ยว พยายามช่วยคิดว่า ทำอย่างไรให้ชีวิตดำเนินต่อไปได้ ต้องอยู่กับโควิด-19 ให้ได้ จึงมองชุดตรวจเอทีเคคือ ตัวช่วยให้เศรษฐกิจเดินต่อไปได้ ถ้าทุกภาคส่วนได้นำมาใช้คัดกรองตรวจหาเชื้อด้วยตัวเองอย่างเต็มที่ ก็จะสามารถรู้ได้เร็ว รักษาได้เร็ว กักตัวได้เร็ว ไม่กลายเป็นคลัสเตอร์ต่อไป ทำให้ทุกคนจะสามารถออกไปทำงาน เด็กได้ไปโรงเรียน ห้างร้านได้เปิด โรงงานได้กลับมาทำธุรกิจต่อ ร้านเสริมสวย ร้านทำฟัน ร้านอาหาร งานอีเวนท์ต่างๆ ก็จะกลับมาฟื้นได้เร็วขึ้น นี่เป็นเหตุผลเริ่มต้นที่ทำให้ไปสืบค้นข้อมูลเพื่อเอาชุดเอทีเคมาเพื่อจะใช้กับพนักงานตัวเอง บังเอิญมี รพ.พานาซี ที่เยอรมนี ที่จีน แล้วเห็นคนที่นั่นใช้ชุดตรวจของเล่อปู๋ และเห็นว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดี ผลิตจากโรงงานที่ใหญ่ มีมาตรฐานสูงได้รับการยอมรับจากทั่วโลกมากว่า 20 ปี ก็เริ่มอยากนำมาใช้กับภาคท่องเที่ยวที่เป็นเพื่อนๆ กัน จนมาคิดว่าถ้าสามารถสั่งซื้อครั้งละจำนวนมาก เราจะได้ราคาที่ถูกลง ประกอบกับเป็นจังหวะที่ อภ.มีการเปิดประมูลชุดตรวจเอทีเค ชนิดโฮม ยูส จึงได้จับมือกับบริษัท ออสท์แลนด์ฯ ซึ่งเป็นคนนำเข้าผลิตภัณฑ์ของเล่อปู๋เข้าร่วมประมูลครั้งนี้” นางศิริญา กล่าว
นางศิริญา กล่าวว่า เป็นการเข้าประมูลงานภาครัฐเป็นครั้งแรก และได้เป็นผู้ชนะการประมูลด้วยราคาที่ต่ำสุด 70 บาท รวม (ภาษีมูลคาเพิ่ม 7%) แต่ดีใจได้ไม่นาน
“เรานำของที่ดีมาร่วมประมูล แต่กลับมีคนเอาเรื่องที่ไม่ใช่ความจริงมาตีเรา ตีแบบต้องให้เราออกมาแก้ข่าวไปเรื่อยๆ พอเอาหลักฐานขึ้นชี้แจงข้อนี้เสร็จ ก็เริ่มมาอีกข้อ มาเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อไร เวลาผ่านไปจากที่กำหนดในการเซ็นต์สัญญาเพื่อส่งของ ก็เริ่มห่างออกไป เพราะเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปแบบที่ไม่ใช่ความจริง สินค้าที่ดีกลับถูกกล่าวหา ด้อยค่าว่าเป็นของไม่ดี คนกล่าวหา กับคนมาแก้ข้อกล่าวหา มันเหนื่อยต่างกัน อีกทั้งด้วยความเป็นแพทย์กับนักธุรกิจ มันมีขอบเส้นแบ่งให้เห็นว่า คนจะเลือกเชื่อใครมากกว่า ทั้งๆ ที่มีหลักฐานก็พิสูจน์ได้ทุกประเด็น แต่คนก็เลือกที่จะมองข้าม เลือกที่จะไม่พูดในสิ่งที่ดี ที่ถูกต้อง ที่เราเพียรพยายามชี้แจง ขอย้ำตรงนี้อีกครั้งว่า ผลิตภัณฑ์เอทีเค ของเล่อปู๋ เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพมาตรฐานทั้งในระดับได้รับการรับรองจาก อย.ไทย ที่ให้มหาวิทยาลัย แพทย์รามาฯ เป็นผู้ทดสอบ หรือถ้าเชื่อในมาตรฐาน อย.ของเยอรมนี สวิสฯ ออสเตรีย เนเธอร์แลนด์ และอีกหลายประเทศระดับแถวหน้าของโลก คุณต้องเชื่อในเล่อปู๋ ถ้าของไม่ได้มาตรฐาน เขาจะเลือกไปใช้กันมากมายหลายในประเทศ แล้วการอ้างว่าต้องเลือกเอทีเค ที่ WHO รับรองเท่านั้น ก็ขอบอกเลยว่า ไม่มีเอทีเค แบบโฮม ยูส ยี่ห้อไหนเลยที่ WHO รับรอง แสดงว่าที่ออกมาประกาศว่าให้เลือกยี่ห้อที่มี WHO เท่านั้น แสดงว่าคนไทยทั้งประเทศคงไม่มีทางได้ชุดตรวจด้วยตัวเอง” นางศิริญา กล่าว
นางศิริญา กล่าวว่า ขอประกาศแถลงการณ์ดังๆ ตรงนี้เลยว่า “ขอไม่ทน” อีกต่อไป บริษัท ณุศาศิริฯ และ บริษัท เวิลด์ เมดดิคอลฯ จะเป็นผู้นำเข้าเอทีเคเพื่อคนไทย จำนวน 8.5 ล้านชิ้น มาจำหน่ายให้ประชาชนคนไทยทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงชุดตรวจโควิด-19 ด้วยตนเอง ในราคาเพียงชุดละ 75 บาท โดยเป็นราคาที่ใกล้เคียงกับราคาที่ประมูลได้จาก อภ.ผู้สนใจสามารถเข้าไปพรี ออร์เดอร์ขั้นต่ำ 1 กล่อง (1 กล่อง มี 25 ชุด) ได้ตั้งแต่วันที่ 23 -31 สิงหาคมนี้ (สินค้า Pre-Order รับชุดตรวจที่คลินิกและร้านขายยาที่ร่วมโครงการกับ MORHELLO ได้ภายใน 14-30 วัน นับจากรับยอดโอน) หรือติดต่อสั่งซื้อได้ที่ Line @ Morhello ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป รวมถึงภาคธุรกิจใดที่สนใจใช้เอทีเค เพื่อใช้กับพนักงานจำนวนมาก ก็อยากเป็นกระบอกเสียงสู่รัฐบาลในเรื่องการลดหย่อนภาษีตรงนี้ให้กับองค์กรต่างๆ ด้วย
“การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยขึ้นอยู่กับการส่งออกและการท่องเที่ยว หากประเทศเราสามารถเข้าถึงการตรวจคัดกรองได้ด้วยตัวเอง เราจะสามารถแยกคนป่วย และคนไม่ป่วยได้อย่างรวดเร็วขึ้น ภายในไม่ถึงสิ้นปีนี้ ก็จะทำให้เศรษฐกิจในประเทศเหล่านั้นเริ่มฟื้นตัวได้ ดังนั้นการประคับประคองเศรษฐกิจในปี 2564 จึงมีความสำคัญมาก ขณะเดียวกันทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต้องร่วมแรงร่วมใจกัน เราต้องนำพาประเทศให้พ้นวิกฤตนี้ไปให้เร็วที่สุด” นางศิริญา กล่าว
