ย้ำ! ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง 2.4 ล้านคนทั่ว ปท. กินยาคุมให้ดี ลดผลกระทบฉีดวัคซีนโควิด

ย้ำ! ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง 2.4 ล้านคนทั่ว ปท. กินยาคุมให้ดี ลดผลกระทบฉีดวัคซีนโควิด

เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม นพ.ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ตลอดเดือนสิงหาคมนี้ กรมควบคุมโรคได้เร่งรัดฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้แก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในระดับบุคคลและภูมิคุ้มกันหมู่ โดยต้องฉีดครอบคลุมประชากรให้ได้ร้อยละ 70 จึงจะสามารถลดการแพร่ระบาด ลดอัตราป่วยหนักและลดการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ได้โดยเร็ว โดยเดือนนี้ตั้งเป้าฉีดให้ได้ 10 ล้านโดส ซึ่งขณะนี้ได้จัดส่งวัคซีนโควิด-19 ไปให้ทุกจังหวัดแล้ว จึงขอให้ประชาชนทุกพื้นที่อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเปราะบาง 3 กลุ่มคือ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่ม ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคอ้วนน้ำหนักตัวมากกว่า 100 กิโลกรัม โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวาย และกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ให้รีบเข้ารับบริการได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้านทุกแห่งโดยเร็ว โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
“ที่เป็นห่วง คือ ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งมีรายงานเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 มากเป็นอันดับ 1 เนื่องจากข้อมูลทางการแพทย์พบว่า เมื่อคนป่วยกลุ่มนี้ติดเชื้อโควิด-19 จะทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะได้ร้อยละ 17 ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบร้อยละ 7 ระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลวร้อยละ 9 และทำให้เกิดภาวะหัวใจวายในที่สุด จึงจำเป็นต้องรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันโรคเพียงพอ หากติดเชื้อก็จะช่วยลดความรุนแรงและป้องกันการเสียชีวิตได้ โดยผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง จะสามารถฉีดวัคซีนได้จะต้องมีระดับความดันโลหิต ค่าตัวบนไม่เกิน 140 และค่าตัวล่างไม่เกิน 90 มิลลิเมตรปรอท” นพ.ปรีชากล่าว

ทางด้าน นพ.กฤษฎา หาญบรรเจิด ผู้อำนวยการกองโรคไม่ติดต่อ กล่าวว่า โรคความดันโลหิตสูง เป็นโรคที่ต้องดูแลตนเองอย่างสม่ำเสมอและควบคุมระดับความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ขณะนี้มีผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงขึ้นทะเบียนรักษาในสถานบริการสาธารณสุขทั่วประเทศ ไม่รวมกรุงเทพมหานคร กว่า 6 ล้านคน ในจำนวนนี้ ร้อยละ 40 หรือประมาณ 2.4 ล้านคน พบว่าเป็นผู้ที่ไม่สามารถควบคุมระดับความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้ ผู้ที่ควบคุมความดันโลหิตได้ไม่ดี นอกจากจะเป็นอันตรายต่อตนเอง คือ เสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อน เช่น โรคหลอดเลือดสมองแตกหรือตีบ เป็นอัมพฤกษ์อัมพาต โรคหัวใจ ไตวาย และหากติดเชื้อโควิด-19 จะมีความรุนแรงสูงกว่าคนทั่วไป และผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมได้ดี ดังนั้น จึงต้องมีวินัยในการดูแลตนเอง เพื่อให้เข้ารับบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้โดยเร็วที่สุด

นพ.กฤษฎากล่าวต่อไปว่า วิธีปฏิบัติตัวเพื่อให้ควบคุมระดับความดันโลหิตเน้น 3 หลักการที่สำคัญ คือ 1.กินยาตามที่แพทย์สั่งอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยาเอง และไปตรวจตามนัดทุกครั้ง 2.งดกินอาหารหวาน มัน เค็ม ควรปรุงอาหารกินเอง ลดการใช้เครื่องปรุงรส เพิ่มการกินผักและผลไม้ งดสูบบุหรี่และงดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ 3.ออกกำลังกายให้เหมาะสมกับร่างกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน ช่วยให้หัวใจทำงานดี และช่วยให้อารมณ์แจ่มใส ส่งผลให้ระดับความดันโลหิตลดลง

Advertisement

สำหรับกลุ่มผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ขอให้เตรียมตัวให้พร้อม คือ พักผ่อนอย่างเพียงพอ ใส่หน้ากากอนามัย พกแอลกอฮอล์เจลเพื่อล้างมือขณะอยู่นอกบ้าน เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล ในรายที่กินยาละลายลิ่มเลือด หรือกินยาต้านเกล็ดเลือด ให้แจ้งแพทย์หรือพยาบาลที่จุดบริการฉีดทราบ เพื่อป้องกันอาการแทรกซ้อนหลังฉีด เช่นเลือดออกที่รอยเข็มฉีด และหลังจากฉีดวัคซีนแล้ว 2-4 ชั่วโมง ไม่ควรออกกำลังกาย เนื่องจากอาจเกิดอาการข้างเคียง เช่น มีไข้ ปวดเมื่อย หรืออ่อนเพลีย และควรไปรับการฉีดให้ครบ 2 เข็ม ตามนัดของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image