เซ็นแล้ว! อภ.-ลงนามซื้อเอทีเค 8.5 ล้านชุด คาดล็อตแรกถึงไทย 6 ก.ย.นี้

เซ็นแล้ว! อภ.-ลงนามซื้อเอทีเค 8.5 ล้านชุด คาดล็อตแรกถึงไทย 6 ก.ย.นี้

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 30 สิงหาคม นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ได้ลงนามสัญญากับตัวแทนบริษัท เวิลด์ เมดิคอล อัลไลแอนซ์ ประเทศไทย จำกัด ผู้ชนะการประมูลราคาชุดตรวจแอนติเจน เทสต์ คิท (เอทีเค) แบบตรวจด้วยตนเอง ในราคาชุดละ 70 บาท จัดซื้อเอทีเคยี่ห้อเล่อปู๋ (LEPU) จำนวน 8.5 ล้านชุด ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช. ) และโรงพยาบาล (รพ.) ราชวิถี หลังจากเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2564 ที่คณะอนุกรรมการจัดทำแผนการจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น ตามโครงการพิเศษของ สปสช. ที่ได้เห็นชอบราคาชุดตรวจเอทีเค ตามที่ อภ. เสนอ และให้ รพ.ราชวิถี ดำเนินการจัดซื้อจากอภ.ต่อไป

นพ.วิฑูรย์ เปิดเผยว่า เอทีเคทั้งหมด บริษัทจะนำเข้ามาและจัดส่งให้หน่วยบริการจำนวนกว่า 1,000 แห่ง ตามที่ สปสช.กำหนด ภายใน 14 วัน หลังจากลงนามสัญญา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างที่ สปสช.กำหนดสถานที่จัดส่งที่ชัดเจน โดยก่อนนำเอทีเคไปจัดส่ง ให้หน่วยบริการต่างๆ นั้น จะมีคณะกรรมการตรวจรับสินค้าตามทีโออาร์ (TOR) โดยตรวจประเมินจากใบตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ (COA) หรือเอกสารรับรองผลิตภัณฑ์ว่ามีคุณภาพเป็นไปตามทีโออาร์ของผู้สั่งซื้อ

“จากนั้น จะทำการสุ่มตัวอย่างไปทดสอบคุณภาพที่ห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานของคณะแพทย์ศาสตร์ รพ.รามาธิบดี โดยทำการตรวจวิเคราะห์ในหัวข้อ ความไวเชิงวินิจฉัย (Diagnostic sensitivity) ความจำเพาะเชิงวินิจฉัย (Diagnostic specificity) ความไม่จำเพาะต่อเชื้อ (Non-Specificity) ตามเกณฑ์การทดสอบที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กำหนด เมื่อผลการทดสอบคุณภาพผ่านก็จะกระจายผลิตภัณฑ์ไปสู่หน่วยบริการต่อไป ขณะเดียวกัน อภ.จะทำการสุ่มตัวอย่าง เพื่อเก็บเป็นตัวอย่างอ้างอิงในการตรวจวิเคราะห์ หลังจากการนำไปใช้งาน (Retained Sample) ควบคู่กันไปด้วย ในกรณีมีข้อร้องเรียนจากผู้บริโภค ทางบริษัทผู้จำหน่ายจะต้องสืบหาสาเหตุ และแนวทางการป้องกัน แจ้งมายังอภ. เพื่อประเมินและติดตามผลการแก้ไขป้องกันปัญหาดังกล่าวต่อไป ในกรณีที่มีปัญหาคุณภาพจนต้องมีการเรียกคืนผลิตภัณฑ์ (Recall) บริษัทผู้จำหน่ายต้องเรียกเก็บผลิตภัณฑ์คืน พร้อมชดใช้และแลกเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ให้กับผู้บริโภค และทำรายงานผลการเรียกเก็บผลิตภัณฑ์คืน ส่งให้อภ.ทำการประเมินประสิทธิผลของการเรียกคืนทุกครั้ง” นพ.วิฑูรย์ กล่าว

Advertisement

ด้าน นางศิริญา เทพเจริญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท ณุศาศิริ (มหาชน) จำกัด และ กรรมการบริหาร บริษัท เวิลด์ เมดิคอล อัลไลแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ตัวแทนจำหน่ายเอทีเค ของ “ออสท์แลนด์ แคปปิตอล” และเป็นผู้ชนะการเสนอราคาในโครงการพิเศษของ สปสช. กล่าวว่า บริษัท เวิลด์ เมดิคอลฯ และ ออสท์แลนด์ฯ รู้สึกยินดีมาก ที่ได้รับโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในการนำชุดตรวจเอทีเค ของเล่อปู๋ มาให้คนไทยได้ใช้ตรวจคัดกรองโควิด-19 ผ่านโครงการดีๆ ของภาครัฐ

“วันนี้เมื่อทุกอย่างเคลียร์ชัดเจน ทั้งเรื่องของคุณภาพ ของเอทีเค ที่ผ่านการรับรองทั้งของ อย.ประเทศไทย และยังได้รับการรับรองคุณภาพจากหลายประเทศในยุโรปแล้ว นอกจากนั้น เพื่อเป็นการตอกย้ำและเพิ่มความมั่นใจในเรื่องคุณภาพให้แก่คนไทย บริษัทยินดีให้ อภ.สุ่มตัวอย่างอ้างอิงตามที่ อภ.กำหนด เพื่อให้ประชาชนมั่นใจในคุณภาพสินค้าที่ได้รับ ซึ่งเป็นอีกส่วนหนึ่งที่นอกเหนือจากทีโออาร์ที่กำหนดไว้” นางศิริญา กล่าวและว่า ด้วยกำลังการผลิตของบริษัทผู้ผลิตซึ่งเป็นบริษัทที่ใหญ่มากระดับรัฐวิสาหกิจของประเทศจีน จึงมั่นใจได้ว่าโรงงานจะสามารถผลิตเอทีเค พร้อมส่งมอบทั้งหมดได้ทันกับเวลาที่กำหนดไว้แน่นอน โดยเอทีเค ทั้งหมดจะจัดส่งทางเครื่องบินเช่าเหมาลำ นางศิริญา กล่าวว่า คาดว่าล็อตแรกจะจัดส่งมาใน วันที่ 6 กันยายนนี้ โดยภายใน 14 วัน หลังจากลงนามสัญญาจะทยอยส่งมอบและจัดส่งครบ 8.5 ล้านชุด ถึงหน่วยบริการกว่า 1,000 แห่ง ตามที่อภ. และ สปสช.กำหนด จัดเก็บและกระจายโดยบริษัทขนส่งที่ชำนาญในด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์โดยเฉพาะ มีการควบคุมความเย็น เพื่อให้เอทีเคของเรามีคุณภาพเต็มที่จนถึงมือประชาชน

Advertisement

“บริษัทมีความมั่นใจในคุณภาพเอทีเค ของเล่อปู๋ ว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพที่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ ด้วยหลักฐานที่ชัดเจนสามารถพิสูจน์ได้ หากยังมีการด้อยค่าผลิตภัณฑ์แบบไม่เป็นธรรมกับบริษัททำให้มีผลต่อการดำเนินธุรกิจ ทางบริษัทฯ จะให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการขั้นต่อไปอย่างเด็ดขาด อีกทั้งทางบริษัทยังได้แจ้งไปยังโรงงานของเล่อปู๋ ผู้ผลิตที่ประเทศจีน ถ้าหากผู้ผลิตจะดำเนินการทางกฎหมายอย่างไรต่อผู้กล่าวหาผลิตภัณฑ์ด้วยข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง สร้างความเสื่อมเสียเรื่องชื่อเสียงต่อผลิตภัณฑ์ บริษัท เวิลด์ เมดิคอล อัลไลแอนซ์ ฯ ยินดีจะช่วยเหลือและส่งเอกสารข้อมูลให้ผู้ผลิตทั้งหมด เพื่อจะได้เป็นบรรทัดฐานต่อไป” นางศิริญา กล่าว

วันเดียวกัน แหล่งข่าวในแวดวงสาธารณสุข ให้ข้อมูลว่า กรณีการจัดซื้อเอทีเคที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า การจัดประมูลเอทีเคในราคาชุดละ 70 บาท จำนวน 8.5 ล้านชุด ของ อภ.อาจได้ของไม่มีคุณภาพ ขณะที่อีกฝั่งก็มองว่า การออกมาร้องเรียนเรื่องนี้ โดยอ้างว่าต้องการชุดตรวจที่มีคุณภาพ ผ่านการรับรองจากองค์การอนามัยโลก แต่ราคาประมาณ 120 บาทต่อชุดนั้น แท้จริงมีเหตุผลใดกันแน่ ซึ่งกรณีดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างว่า อาจมีเบื้องหน้าเบื้องหลังปมปัญหาชุดตรวจเอทีเค

“ล่าสุดทราบว่า อภ.ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยัง ป.ป.ช. ถึงพฤติกรรมของบุคคลที่เกี่ยวข้องกรณีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 ที่เกี่ยวกับการจัดหาชุดตรวจเอทีเค จำนวน 8.5 ล้านชุด แต่ไม่ทราบรายละเอียดที่ชัดเจนเป็นอย่างไร” แหล่งข่าว กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image