ศบค.ย้ำ เปิดกิจการ 1 ก.ย.แค่ขอความร่วมมือ ชวนร้านที่พร้อมนำร่องเป็นตัวอย่าง คาด 1 ต.ค.เห็นมาตรการชัดเจน

ศบค.ย้ำ เปิดกิจการ 1 ก.ย.แค่ขอความร่วมมือ ชวนร้านที่พร้อมนำร่องเป็นตัวอย่าง คาด 1 ต.ค.เห็นมาตรการชัดเจน

เมื่อวันที่ 1 กันยายน พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวว่า ขอชี้แจงถึง มาตรการควบคุมโรคโควิด-19 แนวใหม่ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างปลอดภัย (Smart Control And Living With Covid-19) ที่ ประชุมศบค. เห็นชอบ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอมา เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม จากที่ภาคเอกชน สมาคม หอการค้า ได้เสนอให้อนุญาตเปิดกิจการ กิจกรรมต่างๆ ภายใต้มาตรการควบคุมโรคโควิด-19 แนวใหม่อย่างสมดุล ซึ่งขอเน้นว่า มาตรการดังกล่าวจะดำเนินอย่างค่อยเป็นค่อยไป อนุญาตให้ทำการทยอยเปิดกิจการ และขอย้ำว่า ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน มาตรการดังกล่าวมีผลใน 29 จังหวัดที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ในส่วนที่ประชาชน สอบถามเข้ามาจำนวนมาก ในเรื่องของมาตรการวัคซีนและการตรวจด้วยชุดตรวจเอทีเคคัดกรอง ในการเข้าใช้บริการห้าง ร้านอาหารต่างๆ นั้น ตามมาตรการ โควิด ฟรี เซทติ้ง จึงขอย้ำว่า ตั้งแต่ 1 กันยายน เป็นต้นไป มาตรการนี้ไม่ได้เป็นการบังคับ แต่เป็นการขอความร่วมมือ พยายามให้เป็นการสร้างแรงจูงใจให้กับผู้ประกอบการ นำร่องก่อน ซึ่งจังหวัดใด หรือพื้นที่ใดพร้อม ก็สามารถดำเนินตามมาตรการได้เลย

ส่วนของโควิด ฟรี เซทติ้ง หรือสถานที่ปลอดโควิดนั้น มีองค์ประกอบสามส่วนด้วยกัน 1.COVID-Free Environment : จะต้องดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม ต้องมีการระบายอาการ สุขอนามัยที่เหมาะสม สะอาดปลอดภัย และต้องเว้นระยะห่าง โดยสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ Thai Stop Covid 2. COVID-Free Personnel :มาตรการในส่วนของผู้ประกอบการ ผู้ให้บริการ พนักงาน จะต้องมีการฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ และตรวจ ATK ทุกสัปดาห์ ซึ่งจะมีการเร่งรัดให้ทุกคนได้รับวัคซีนครอบคลุม 2 เข็มมากที่สุด ที่หลายภาคส่วนหนักใจนั้น ในที่พร้อมอาจจะเป็นพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ที่ได้มีการฉีดวัคซีนคืบหน้าค่อนข้างมาก ส่วนในพื้นที่ต่างจังกวัดอีก 26 จังหวัด นั้นก็เข้าใจและขออภัย เพราะจารกระจายของวัคซีนอาจจะยังไม่ทั่วถึง เพราะฉะนั้นจึงยังไม่ได้มีการบังคับ หากยังไม่พร้อม

ขอให้ผู้ประกอบการและจังหวัดศึกษาข้อปฎิบัติในมาตรการต่างๆ ซึ่งในส่วนของการฉีดวัคซีนโควิด และและชุดตรวจเอทีเคนั้น ในบางจังหวัดอาจจะยังมีข้อจำกัดในช่วงนี้ ก็ขอให้ทุกๆ จังหวัดเร่งสำรวจและดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว เสมือนการเตรียมพร้อมการดำเนินการมาตรการ ซึ่งคาดว่า 1 ตุลาคมนี้ จะเห็นความพร้อมอย่างชัดเจนมากขึ้น อันนำไปสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างปลอดภัย ซึ่งในส่วนจังหวัดต่างๆ สามารถกำหนดอาชีพ กลุ่มคนที่จะให้บริการได้ เช่น บางจังหวัด ดำเนินการเปิดร้านอาหาร ร้านตัดผม ร้านนวด หรือแคมป์คนงาน ก็จะพิจารณาตามบริบทของแต่ละจังหวัดได้ ส่วน 3.COVID-Free Customer : ลูกค้า ผู้ใช้บริการเข้าร้านไหน ต้องร่วมมือกับมาตรการตามร้านนั้นๆ และลูกต้องมี Green Card (วัคซีนครบตามเกณฑ์) Yellow Card (เคยติดเชื้อ หรือ ATK เป็นลบภายใน 7 วัน) หากบางพื้นที่ยังมีปัญหา เรื่องวัคซีน ชุดตรวจเอทีเคก็ให้ทำการผ่อนผันตามความเหม่าะสมก่อนได้

Advertisement

“ขอเชิญชวนร้านค้า ผู้ประกอบกที่มีความพร้อม เข้าร่วมมาตรการ เพื่อนำร่องและเป็นการเสียสละเป็นตัวอย่าง และหลังจากนี้จะเห็นได้ถึงความชัดเจนของทิศทางมาตรการนี้มากขึ้น โดยมาตรการดังกล่าว ทางศบค.ได้ย้ำกับทางภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าต้องดำเนินการให้ผู้ประกอบการ และประชาชนได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด และทางจังหวัด คกก.โรคติดต่อจังหวัดสามารถปรับบริบทตามพื้นที่ ตามสถานการณ์ได้ ดังนั้น ปัจจัยแห่งความสำเร็จในการจัดทำมาตรการ Smart Control and Living with Covid-19 ทุกภาคส่วนทั้งรัฐ เอกชน ผู้ประกอบการ และประชาชนต้องตระหนักและดำเนินการตามมาตรการอย่างเคร่งครัด และขอเน้นย้ำ ร้านอาหาร ยังไม่ได้อนุญาตให้บริการการแสดงดนตรีสดในร้าน ซึ่งต้องงดไปก่อน 14 วัน ขณะที่ร้านเสริมสวย สามารถเปิดให้บริการได้ใน 2 ชั่วโมง ตามมาตรการที่กำหนด” พญ.อภิสมัย กล่าว

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ขอย้ำมาตรการป้องกันโควิดแบบครอบจักร รวมทั้ง กิจกรรมใดที่รอได้ ก็ให้งดไปก่อน อีกประมาณ 2 สัปดาห์ การเปิดกิจการ กิจกรรมต่างๆก็จะสะดวกขึ้น มีข้อผ่อนมากขึ้น หากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนรวมมือกัน ก็จะได้เห็นมาตรการที่ผ่อนคลายขึ้นแน่นอน สุดท้ายคือ ฝากถึง ทุกจังหวัด แม้สถานการณืจะเริ่มดีขึ้น แต่ขอให้ตรึงกำลัง ระบบรัษาพยาบาลไว้ เพราะว่าได้รับรายงานว่าบางจังๆวัดได้ทำการปิดโรงพยาบาลสนาม คืนพื้นที่ให้หน่วยงานต่างๆ ขอให้ยังคงประสิทธิภาพ และมีแผนรับมือ เผชิญเหตุที่อาจจะเกิดคลัสเตอร์ระบาดไว้ และเปิดใช้บริการได้ทันที เพื่อรับปัญหาดังกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image