คาด พ.ย.คนไทย 40% ภูมิฯโควิดดีขึ้น ศูนย์ฉีดบางซื่อตั้งเป้า 3 เข็ม 1.5 แสนคนก่อน 13 ต.ค.

คาด พ.ย.คนไทย 40% ภูมิโควิดดีขึ้น ศูนย์ฉีดบางซื่อตั้งเป้า 3 เข็ม 1.5 แสนคนก่อน 13 ต.ค.

เมื่อวันที่ 26 กันยายน พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 สถานีกลางบางซื่อ เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายน-กันยายน 2564 ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 1.6 ล้านโดส โดยช่วงแรกจะฉีดเป็นสูตรแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม ซึ่งจะครบเข็มที่ 2 ในช่วงวันที่ 23 ตุลาคมนี้ ทั้งนี้ ประชากรในกรุงเทพมหานคร ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้วเกือบครบ ดังนั้น ในระยะนี้ศูนย์ฉีดฯ บางซื่อ จะเป็นการฉีดเข็มที่ 2 เป็นหลัก คือ ผู้ที่ฉีดแอสตร้าฯ เข็มแรกตั้งแต่เดือนมิถุนายน-สิงหาคม จะทยอยฉีดเข็มที่ 2 ในช่วงเดือนกันยายน-พฤศจิกายนนี้ และเรียกผู้ที่ได้รับซิโนแวคครบ 2 เข็ม ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ที่ทดลองระบบการฉีดในกลุ่มคมนาคมขนส่งสาธารณะกว่า 1.55 แสนคน มาฉีดเข็มที่ 3 ซึ่งจะให้กลุ่มนี้ไปแทรกฉีดในแต่ละวันให้เร็วที่สุดภายในวันที่ 13 ตุลาคมนี้ เพราะหลังจากวันที่ 14 ตุลาคมเป็นต้นไป ผู้ที่ได้รับเข็มที่ 2 ของการฉีดสูตรแอสตร้าฯ และสูตร SA จะเข้าไปรับวัคซีนมากขึ้น

“ขณะนี้ ศูนย์ฉีดฯบางซื่อ เปิดให้บริการในประตู 2, 3 และ 4 ศักยภาพการฉีดเฉลี่ยวันละ 25,000 โดส ซึ่งกำหนดการศูนย์ฉีดฯบางซื่อ จะเปิดให้บริการถึงปลายเดือนพฤศจิกายน แต่เท่าที่ทราบ ขณะนี้อาจยังมีประชากรแฝงในกรุงเทพฯ ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน รวมถึงเข็มที่ 3 ที่ต้องฉีดบูสเตอร์โดส อีกทางการรถไฟแห่งประเทศไทย ก็แจ้งมาว่า เดือนธันวาคมนี้เป็นต้นไป การรถไฟฯ จะต้องใช้พื้นที่ประตู 4 สำหรับรถไฟทางไกล แต่เราจะสามารถใช้พื้นที่ประตู 2 และ 3 ต่อไปอีก ซึ่งเป็นประตูหลักในการให้บริการวัคซีน และแม้จะเหลือ 2 ประตู ก็ยังสามารถให้บริการประชาชนได้ปริมาณเท่าเดิม อย่างไรก็ตาม ก็จะมีการประเมินสถานการณ์ว่า เราจะขยายการให้บริการอย่างไร ทั้งนี้ หากศูนย์ฉีดฯบางซื่อ ปิดให้บริการแล้ว ก็คาดว่าจะไม่กระทบพื้นที่กรุงเทพฯ เนื่องจากทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) ฉีดครอบคลุมประชากรได้มากแล้ว ส่วนประชากรแฝง หรือเข็มที่ 3 ก็น่าจะขยายศักยภาพการฉีดวัคซีนไปในโรงพยาบาล (รพ.) หรือหน่วยบริการสาธารณสุข กทม.ได้” พญ.มิ่งขวัญกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงการฉีดวัคซีนภาพรวมของประเทศในขณะนี้ ที่เฉลี่ยวันละ 5-6 แสนโดส ถือว่าเป็นปริมาณที่มากหรือน้อยอย่างไร พญ.มิ่งขวัญกล่าวว่า จริงๆ กลุ่มเป้าหมายทั้งประเทศที่เป็นประชากรวัยทำงาน ราว 50 ล้านคน ขณะนี้ได้วัคซีนค่อนข้างมาก เพียงแต่ไม่กระจายทั่วประเทศ เป็นกลุ่มจังหวัดสีแดงที่ได้รับมาก สำหรับสูตรแอสตร้าฯ 2 เข็ม ก็ยังไม่ครบกำหนดฉีดในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ดังนั้น สถานการณ์ของประเทศที่จะได้รับวัคซีน 2 เข็ม เต็มๆ จะอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2564 แต่ว่าก็ยังอยู่ในกลุ่ม 608 อยู่ เพราะยังไม่ได้ฉีดผู้ที่อายุ 18 ปีขึ้นไปเต็มที่ ขณะเดียวกัน ผู้ที่ได้รับซิโนแวค 2 เข็ม ก็จะได้รับบูสเตอร์เข็มที่ 3 ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพวัคซีนก็จะคล้ายกับคนที่ได้สูตรแอสตร้าฯ 2 เข็ม ดังนั้น เราจะมีประชากรที่มีระดับภูมิคุ้มกันเพียงพอจำนวนหนึ่ง หรือเฉลี่ยร้อยละ 40 ของจำนวนประชากรทั้งหมดเท่านั้น

“เราจะมีวัคซีนเข้ามาอีก เราก็ฉีดกลุ่มเป้าหมายให้ครบ 100% เช่น กลุ่มเด็ก 12 ปีขึ้นไป คิดว่าภายใต้ไตรมาส 4 เราน่าจะฉีดได้จนครบกลุ่มเป้าหมายที่สามารถเข้ารับวัคซีนได้ ซึ่งศูนย์ฉีดฯบางซื่อ ก็อาจเปิดต่อเพื่อเก็บตก ปลายเดือนตุลาคม จะเป็นช่วงที่เกือบทั้งประเทศทุกคนจะมีภูมิเท่ากัน ผู้ที่ได้ซิโนแวคแรกๆ ที่ภูมิตก ก็จะได้บูสเตอร์ขึ้นมาเท่าแอสตร้าฯ 2 เข็ม ภูมิคุ้มกันแข็งแกร่งพอสมควร ที่เหลือคือ การขยายกลุ่มประชากรให้มากขึ้น เก็บประชากรแฝง คิดว่าภายในปีนี้ หากเราจะฉีดให้ครบทุกคนที่สมัครใจฉีด ก็ไม่มีปัญหา อย่างวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันมหิดล ที่เราฉีดได้วันเดียว 1.4 ล้านโดส ก็พิสูจน์แล้วว่า เราก็ทำได้ ดังนั้น ถ้ามีวัคซีน แล้วเราจะทำจริงๆ วันละล้านโดสก็ทำได้ อย่างน้อยก็ฉีดร้อยละ 70-80 ของทุกจังหวัด ก็คิดว่าทำได้” พญ.มิ่งขวัญกล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image