‘วิโรจน์’ ชม รบ.ตัดสินใจเร็วระงับประเทศ สกัดโอไมครอน จี้ ถามความพร้อม หากระบาดอีกระลอก

‘วิโรจน์’ ชม รบ.ตัดสินใจเร็วระงับประเทศ สกัดโอไมครอน จี้ ถามความพร้อมทั้งยา-ระบบสาธาราณสุข หากระบาดระลอก 5 ด้าน ‘สาธิต’ ยัน เตรียมพร้อม 100% ชี้ต้องเร่งฉีดวัคซีน หลังภูมิคุ้มกันหมู่ใช้ไม่ได้แล้ว

เมื่อเวลา 12.50 น.วันที่ 2 ธันวาคม ที่รัฐภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา ของนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ถามนายกรัฐมนตรี ว่า หลังจากที่องค์การอนามัยโลกประกาศให้ไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล แม้ประเทศในแถบแอฟริกา ที่โอไมครอนระบาด ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม 63 ประเทศที่เข้าประเทศไทยโดยที่ไม่ต้องกักตัว แต่เมื่อเกิดการระบาด ก็ต้องยอมรับและชื่นชมรัฐบาลที่ตัดสินใจค่อนข้างรวดเร็วต่อกรณีนี้ ในการประกาศระงับการอนุญาตผู้โดยสารจาก 8-9 ประเทศในแถบแอฟริกา ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน และมีการเร่งติดตามนักท่องเท่ียวจากแถบทวีปแอฟริกา มาตรวจ RT-CPR ซ้ำ อย่างไรก็ตาม พบว่าสายพันธุ์โอไมครอนแพร่ระบาดไปหลายประเทศแล้ว ซึ่งมีหลายประเทศที่อยู่ในกลุ่ม 63 ประเทศ แต่ต่อให้สะกัดกั้นอย่างไรการระบาดระลอกที่ 5 ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ โดยมีการประเมินกันว่าการระบาดมีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 65 การสะกัดกั้นการระบาดอาจจะช่วยประวิงเวลาการระบาดระลอกใหม่ออกไปอีกระยะ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการเตรียมการรับมือของรัฐบาล แต่รัฐบาลจะเล่นเกมอุดแบบนี้อย่างเดียวไม่ได้ การระบาดระลอกถัดไปที่จะเกิดขึ้นนั้น ตนยืนยันเราไม่โทษกัน เพราะเป็นธรรมชาติของโรคระบาดที่ย่อมต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว ประเด็นสำคัญจึงไม่ใช่การป้องกัน หรือสะกัด แต่เป็นการเตรียมความพร้อมในการรับมือเมื่อการระบาดระลอกใหม่เกิดขึ้น และยาจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในการควบคุมการระบาดให้ยุติลงในระยะเวลาอันสั้น และจำกัดการเสียชีวิตของประชาชนให้อยู่ในอัตราที่น้อยที่สุด

“ผมตกใจ เพราะอ่านข่าวพบว่า หากพบโอไมครอนให้รายงาน ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งไม่มีความรู้เป็นผู้ตัดสินใจ ทั้งที่คนคนนี้เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายกฯให้สัมภาษณ์ว่าจะให้ประชาชนตรวจด้วยเอทีเค ถ้าพบว่าติดเชื้อให้ไปอยู่บ้าน 7 วัน แล้วมาตรวจเอทีเค ซ้ำ ถ้าเจอ 2 ครั้งให้ไปตรวจ RT-CPR ถึงจะยอมให้เข้าถึงการรักษา และยังให้สัมภาษณ์อีกว่าถ้าตรวจครั้งเดียวแล้วเจอเลยยอดก็จะมากันใหญ่ ซึ่งแนวคิดของนายกฯ ขัดกับแนวเวชปฏิบัติของกรมการแพทย์โดยสิ้นเชิง ผมยืนยันว่ากระทรวงสาธารณสุขต้องตัดสินใจเอง อย่าให้ พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจ ถ้าโยนไปให้ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกฯ ก็คงจะบอกว่าไม่รู้ ไม่รู้ท่าเดียว ครั้นจะโยนให้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ คนคนนี้ก็พร้อมที่จะยกเว้นทุกสิ้นทุกอย่างอยู่แล้ว ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขต้องตัดสินใจเอง” นายวิโรจน์กล่าว

Advertisement

นายวิโรจน์กล่าวต่อว่า ขอถามว่า รัฐบาลได้เตรียมจัดซื้อยาต่างๆ ที่จำเป็นเอาไว้แล้วหรือยัง เพราะมียาประสิทธิภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นยาโมลนูพิราเวียร์ หรือแพ็กซ์โลวิด คราวนี้รัฐบาลต้องไม่พลาดแทงม้าตัวเดียวไปที่ยาฟาวิพิราเวียร์ เหมือนกับวัคซีนอีก รวมทั้งยาที่จำเป็นต่างๆ ที่ถูกกว่าการรักษาในไอซียู รวมทั้งการปรับปรุงความพร้อมด้านต่างๆ มีความพร้อมด้านสาธารณสุขแค่ไหน และรัฐบาลมีการปรับการฉีดวัคซีนกระตุ้นอย่างไร ปรับจาก 6 เดือนเป็น 3 เดือนเหมือนอังกฤษหรือไม่ และได้วางระบบในการลงทะเบียนในการฉีดเข็ม 3 ไว้หรือยัง และผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็ง ตับ ไต ผู้ที่ทานยากดภูมิ ปลูกถ่ายอวัยยะ อาจจะต้องฉีดเข็ม 3 และเข็ม 4 รัฐบาลได้คิดไว้หรือไม่ รวมทั้งความชัดเจนของรัฐบาลต่อการเข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ หากไทยไม่ยอมเข้าร่วมโคแวกซ์ ก็สุ่มเสี่ยงมากที่จะเสียโอกาสในการเข้าถึงนวัตกรรมใหม่ๆ หากเข้าร่วมจะเข้าเมื่อไหร่

ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้รับมอบหมายให้ชี้แจงแทนนายกฯ ว่า สำหรับความพร้อมด้านสาธารณสุข ยืนยันว่ามีความพร้อมรองรับผู้ติดเชื้อ หากกลับมาระบาดอีกครั้ง เช่นเดียวกับแผนการเตรียมยาก็มีความพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยนายกรัฐมนตรีจัดเตรียมเงินกู้และงบกลางไว้รองรับแล้ว หากมีความพร้อมก็จะจัดซื้อและลงนามสัญญา ส่วนสิ่งที่กังวลเรื่องการกลายพันธุ์ของโควิดโอไมครอนนั้น เรามีความกังวลเช่นกัน หลังจากนี้ประเทศที่มีความเสี่ยง เราจะติดตามสถานการณ์ว่ามีความเสี่ยงอย่างไรและจะปรับมาตรการอย่างไร ขณะเดียวกันทางคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อแห่งชาติ ได้ทำหนังสือแจ้งทุกจังหวัดเพื่อเตรียมพร้อม 100% เพื่อสอบสวนโรคและควบคุมโรคให้เข้มข้น รวมทั้งให้ศูนย์วิทยาศาสตร์ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตรวจสอบผู้ติดเชื้อทุกกรณีและรายงานกระทรวงสาธารณสุขเพื่อตรวจสอบว่าพบในประเทศไทยหรือไม่ ส่วนช่องทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าห่วงที่สุด ทางนายกฯสั่งการฝ่ายความมั่นคงถ้ามีผู้หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายโดยมีเจ้าหน้าที่ปล่อยปละละเลยจะดำเนินการเด็ดขาด เช่นเดียวกับทางน้ำ ทางฝ่ายความมั่นคงก็รับไปดำเนินการเช่นกัน ทั้งนี้ เรามีความเป็นกังวลมากว่า 2 ช่องทางนี้จะมีผู้ติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์โอไมครอนหลุดเข้ามาได้มากกว่าทางอากาศ เพราะทางอากาศเรามีมาตรการติดตามตรวจสอบได้

นายสาธิตกล่าวอีกว่า สำหรับการจัดการเรื่องการฉีดวัคซีน เรามั่นใจว่าได้ดำเนินการมาอย่างถูกต้องของข้อมูลที่คณะกรรมการวิชาการได้ตัดสินใจ ส่วนการลดระยะเวลาการฉีดเข็ม 3 ที่เป็นห่วงนั้น ต้องบอกว่าสถานการณ์อังกฤษต่างกัน เนื่องจากมีการฉีดวัคซีนมากและผ่อนคลายด้วยการไม่ใส่หน้ากาก จึงมีอัตราการติดเชื้อสูง เพราะยังไม่ได้ฉีดเข็ม 3 ดังนั้น การตัดสินใจแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของแต่ละประเทศแตกต่างกัน ส่วนตัวเห็นว่า หากสถานการณ์ไวรัสกลายพันธุ์โอไมครอน มีการแพร่ระบาดเข้ามารุนแรงและรวดเร็ว เข็ม 3 ที่ต้องลดจากระยะเวลา 6 เดือนก็มีความจำเป็น

Advertisement

“ผมเห็นว่า ภูมิคุ้มกันหมู่มันอาจจะใช้ไม่ได้แล้ว ต้องฉีดวัคซีนเข็ม 1-2 ให้มากที่สุด เพื่อป้องกันการเจ็บหนักและตายได้ เราต้องรณรงค์พยายามให้คนที่ไม่อยากฉีดและคนที่กังวลมาฉีดให้ได้มากที่สุด เพราะเชื่อว่าจะช่วยได้ ส่วนการตัดสินใจเข้าร่วมโคแวกซ์หรือไม่ ต้องเป็นดุลพินิจเหมือนกัน เพราะมีผลทั้งด้านบวกและลบ ซึ่งที่ผ่านมามีความชัดเจนว่าโคแวกซ์ คนที่เข้าร่วมมีปัญหาเรื่องการจัดส่งวัคซีน แต่สิทธิหรือการร่วมมือกันเรามั่นใจว่าสามารถร่วมมือกันเพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนไทย และขอยืนยันว่าเราให้ความสำคัญกับผู้ป่วยมะเร็ง หรือผู้ป่วยเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ เพราะเป็นกลุ่มเสี่ยง ดังนั้น ขอให้ความมั่นใจว่าเราจะเดินหน้าและทำทุกอย่างเต็มที่ไม่ว่าโควิดจะกลายพันธุ์อีกกี่สายพันธุ์ก็ตาม” นายสาธิตกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image