‘สธ.’ ยันผลตรวจผู้สัมผัสอเมริกันติดโอไมครอน ไม่พบเชื้อ
เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.จักรรัฐ วงศ์พิทยาอานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค แถลงรายงานสถานการณ์โรคโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ที่ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อรายแรกในประเทศไทย ว่าสถานการณ์แถบยุโรปหลังฉีดวัคซีนไปหลายเดือนอาจจะมีคนภูมิคุ้มกันลดลง ส่วนไทยยังสวมหน้ากากอนามัยกันเข้มข้น ขณะที่หลายประเทศไม่สวมหน้ากากอนามัย ทำให้มีการติดเชื้อสูง
ส่วนทวีปแอฟริกาที่เริ่มพบโอไมครอนแต่ติดเชื้อในเกณฑ์ไม่สูงขึ้นมาก ข้อมูลแอฟริกาใต้วันนี้ ติดเชื้อรายใหม่ 6,381 ราย เสียชีวิต 9 ราย โดยฉีดวัคซีนไปแล้วกว่าร้อยละ 40 ของประชากร ป้องกันการติดเชื้อและเสียชีวิตได้พอสมควร ส่วนทางเอเชีย มาเลเซียสถานการณ์ใกล้เคียงไทย ติดเชื้อ 4 พันกว่าราย เสียชีวิต 38 ราย ส่วนเวียดนามติดเชื้อสูงมาก 26,483 ราย เสียชีวิต 223 ราย นอกจากนี้สิงคโปร์ติดเชื้อรายใหม่ 662 ราย เสียชีวิต 4 ราย
โดยสรุปสถานการณ์ทั่วโลก และเอเชียอยู่ในเกณฑ์คล้ายสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยติดเชื้อรายใหม่วันนี้ 3,525 ราย เฉลี่ย 7 วัน อยู่ที่ 4,701 ราย ถือว่าลดลงต่อเนื่อง ส่วนการเสียชีวิตวันนี้ 31 ราย อยู่ในเกณฑ์ค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ เช่นเดียวกับคนที่มีอาการปอดอักเสบ ลดลงช้าๆ ใส่ท่อช่วยหายใจแนวโน้มคงตัว
นพ.จักรรัฐกล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโอไมครอน วันนี้ติดเชื้อทั้งหมด 54 ประเทศ ในจำนวนนี้เป็นการติดเชื้อภายในประเทศ 19 ประเทศ ส่วน 35 ประเทศ เป็นการนำเชื้อมาจากต่างประเทศเช่นเดียวกับไทย ที่ตรวจพบ 1 ราย ซึ่งได้แจ้งให้ประชาชนทราบแล้ว คือ ชายชาวอเมริกัน อายุ 35 ปี เดินทางมาจากสเปน
ทั้งนี้ ถึงแม้มีการติดเชื้อไปถึง 54 ประเทศแล้ว แต่ไม่มีรายงานผู้อาการหนักถึงเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ผลสอบสวนโรคชายชาวอเมริกันรายดังกล่าว อยู่สเปนมา 1 ปี เดินทางคนเดียว นั่งริมหน้าต่าง และเว้นที่นั่งจากคนอื่น ทำให้ไม่มีผู้สัมผัสบนเครื่องบิน กรณีเข้าพักที่โรงแรมมีการสัมผัสใกล้ชิดแต่เสี่ยงต่ำ เพราะสวมหน้ากากอนามัยทั้ง 2 ฝ่าย แต่ส่งตรวจหาเชื้อ 16 ราย เป็นลบ ส่วนอีก 1 ราย ได้เดินทางไป จ.อุบลราชธานี ทางทีมสอบสวนโรคที่ จ.อุบลราชธานี ได้ติดตามและเก็บตัวอย่างส่งตรวจที่สถาบันบำราศนราดูร และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ส่วนอีก 2 ราย ซึ่งเป็นพนักงานสนามบิน เสี่ยงต่ำ ผลตรวจเป็นลบ
“ล่าสุด ชายอเมริกันรายนี้เป็นผู้ติดเชื้อไม่มีอาการ อยู่ระหว่างการดูแลในสถานพยาบาล ยังสบายใจได้ว่าเป็นเพียงการติดเชื้อเฉยๆ ต้องกักตัวต่อจนครบ 14 วัน นับตั้งแต่วันที่เดินทางมาถึงประเทศไทยคือ วันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา ส่วนวันที่เหลือจะติดตามสอบถามอาการทุกวัน” นพ.จักรรัฐกล่าว
นพ.จักรรัฐกล่าวว่า สำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิด 1 ราย ที่เดินทางไป จ.อุบลราชธานี เป็นชายไทย อายุ 44 ปี เป็นพนักงานเสิร์ฟอาหารในโรงแรม ไม่มีโรคประจำตัว วันที่ 1 ธ.ค.2564 ได้เสิร์ฟอาหารให้ชายชาวอเมริกันรายดังกล่าว และมีการนำเอกสารให้เซ็นเข้าโรงแรม ใส่หน้ากากอนามัยทั้งคู่ ออกจากห้องพักมีการทำความสะอาด วันที่ 2 ธ.ค. ได้ทำงานด้านเอกสารที่โรงแรมราวๆ 2-3 ชั่วโมง ทั้งนี้ พนักงานรายดังกล่าวเป็นพนักงานตามระบบโควิดฟรีเซตติ้งทุกอย่าง ตามระบบ SHA+ คือฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็มแล้วตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย. และ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา ช่วง 29-30 พ.ย. หยุดอยู่บ้าน มีออกไปตลาดหน้าปากซอยบ้างเล็กน้อย ต่อมา วันที่ 3 ธ.ค. เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวพร้อมกับครอบครัว รวม 5 คน ไป จ.อุบลฯ แวะรับญาติที่ จ.นครราชสีมา 1 ราย กลับถึงบ้านที่ จ.อุบลฯ มีการรับประทานอาหารร่วมกัน แวะตลาดแถวบ้าน แต่ยืนยันว่าตอนเดินทางสวมหน้ากากอนามัยตลอด ต่อมาวันที่ 4 ธ.ค. ได้รับแจ้งจากทีมสอบสวนโรคว่ามีผู้ป่วยชาวอเมริกันติดเชื้อ ทั้งนี้ วันที่ 5 ธ.ค. เก็บตัวอย่าง NPS และเลือดที่ รพ.พิบูลมังสาหาร และส่งตรวจที่สถาบันบำราศฯ และกรมวิทยาศาสตร์ฯ
“จากนั้นวันที่ 6 ธ.ค. เดินทางกลับ กทม. นอนที่สถาบันบำราศฯ เมื่อคืนนี้ และมีการเก็บตัวอย่างตรวจหาเชื้อ เมื่อตรวจแล้วพบว่าที่เมื่อเช้าต้องสรุปว่าเป็น Inconclusive เพราะค่า CT เกิน 37 ตามนิยามที่เรากำหนดทั้ง 2 ยีนเลย และเพิ่งมีการตรวจซ้ำ และผลเพิ่งออกเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ผล RT-PCR ยืนยันว่าเป็นลบ คือตรวจหาไม่เจอ ทั้งนี้ จะมีการตรวจซ้ำอีกครั้งในวันที่ 12-13 ที่จะถึงนี้ เพื่อยืนยันอีกครั้งก่อนครบ 14 วันของการกักตัว” นพ.จักรรัฐกล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม ชายไทยรายนี้ไม่เคยมีประวัติรายงานการติดโควิด-19 มาก่อน แต่อาจจะเป็นไปได้ว่าเคยมีการติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว ซึ่งจากข้อมูลประเทศไทยพบว่ามีผู้ติดเชื้อไม่รู้ตัวประมาณร้อยละ 1.4 และรายนี้เจอชายชาวอเมริกันเพียง 1 ครั้ง ไม่เกิน 5-10 นาที
นพ.จักรรัฐกล่าวว่า จากการสอบสวนโรคพบว่ามีผู้สัมผัสใกล้ชิดรายนี้ เป็นครอบครัว 4 คน และญาติอีก 1 คน ที่ จ.นครราชสีมา อยู่ระหว่างสอบสวนเพิ่มเติมปกติ กรณีผู้สัมผัสใกล้ชิดของผู้สัมผัสใกล้ชิด เราจะยังไม่ดำเนินการตรวจมากนัก แต่ก็มีการติดตาม และคุมไว้สังเกตอาการ โดยสรุปสถานการณ์ตอนนี้ยังไม่พบผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยชาวอเมริกันที่ติดเชื้อโอไมครอนเพิ่มเติมในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม จะมีการติดตามตรวจหาเชื้อทั้ง 17 คน อีกครั้งก่อนครบ 14 วันของการกักตัว รวมถึงอีก 2 คน ที่สนามบิน รวมทั้งหมด 19 คน ซึ่งความเสี่ยงไม่ต่างกัน คือเสี่ยงต่ำ
