‘หมอนิธิพัฒน์’ ห่วงผู้ป่วยไตวาย-สมองขาดเลือด ติดโควิดร่วมพุ่ง จ่อเตียงล้น

‘หมอนิธิพัฒน์’ ห่วงผู้ป่วยไตวาย-สมองขาดเลือด ติดโควิดร่วมพุ่ง จ่อเตียงล้น

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กว่า ในการฝึกฝนวิชาชีพเฉพาะเพื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ ผู้พิพากษา วิศวกร ทหาร และอีกหลายสาขา การฝึกฝนทำงานควบคู่ไปกับการเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญกว่า ยังเป็นวัตรปฎิบัติที่มีมาช้านานและยังไม่มีวีการอื่นทดแทนได้ เวลาผมสอนแพทย์รุ่นหลังถึงจุดหนึ่งในการวินิจฉัยโรคที่ยากหรือซับซ้อนและให้การดูแลรักษาที่เหมาะสม ต้องใช้ “medical intuition” หรือผมมักแปลให้พวกเขาฟังเป็น เวชญาณ หรือ การหยั่งรู้ทางการแพทย์ ซึ่งเป็นศาสตร์และศิลป์ที่ถ่ายทอดเป็นคำพูดไม่ได้ พวกเขาต้องสังเกต จดจำ และวิเคราะห์แยกแยะเอาเอง เพื่อไปสังเคราะห์เป็นแนวทางของตนเองในวิชาชีพที่มีเอกลักษณ์จำเพาะ (professional identity) สิ่งนี้ผมเชื่อว่าทำให้มนาย์เหนือกว่าสมองกลทุกชนิด เพราะสิ่งนี้แม้สมองกลจะเรียนรู้ได้และอาจทำได้ดีกว่าคนส่วนหนึ่งหรือคนส่วนใหญ่ แต่ไม่สามารถทำได้ดีกว่าสมองคนส่วนหนึ่ง ซึ่งนับวันอาจจะน้อยลงๆ เมื่อเทียบกับสมองกลที่ฉลาดขึ้น แต่เชื่อว่ามันไม่มีทางชนะเรา เพราะอย่างน้อยมนุษย์เป็นผู้สร้างสมองกล

หลายคนอาจยังชิวๆ กับสถานการณ์โควิดในเมืองหลวงตามที่ภาครัฐให้ข้อมูล สามวันติดกันแล้วที่ยอดพุ่งเป็นสองเท่าตัวของยอดเฉลี่ยเมื่อสัปดาห์ก่อน นี่ยังไม่นับรวมยอด ATK อีกไม่รู้เท่าไร อย่างที่บอกกล่าวไปแล้วว่าผู้ป่วยอาการรุนแรงจากโควิดในเมืองหลวงเราเพิ่มขึ้นช้าๆ มากว่าสองสัปดาห์ แต่ที่มากขึ้นเร็วคือผู้ป่วยหนักจากโรคอื่นแต่มีการติดเชื้อโควิดร่วมด้วยแบบไม่มีอาการหรืออาการน้อย ไม่ว่าจะเป็นไตวายเรื้อรัง สมองขาดเลือด หรือ กล้ามเนื้อหัวใจตาย ผู้ป่วยกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นมากสะสมจนใกล้ล้นเกินศักยภาพเตียงโควิดที่จัดเตรียมกันไว้ในขั้นต้น เริ่มมีปัญหาการตกค้างของผู้ป่วยกลุ่มนี้นอกโรงพยาบาลในระบบการส่งต่อผู้ป่วย ระบบการบริหารจัดการโควิดในเมืองหลวงที่พิกลพิการกำลังถูกท้าทายอีกครั้ง

งวดนี้ปัจจัยหลายอย่างต่างจากกาลก่อนที่เดลต้ามาแรง ผู้ป่วยที่ต้องเข้ารพ.หลักไม่ได้รุนแรงจากโควิดโดยตรง เตียงในรพ.หลักถูกผันไปใช้กับผู้ป่วยที่ไม่ใช่โควิดเกือบเต็มศักยภาพเดิมแล้ว บุคลากรทางการแพทย์เริ่มเหนื่อยล้ากับโควิดแถมป่วยจากโควิดเพิ่มขึ้นด้วย และประชาชนเริ่มชินชาและละเลยการควบคุมการระบาด
ผมหวังว่า “เวชญาณ” ครั้งนี้จะไม่ถูกต้อง ที่มองเห็นเค้าลางความวุ่นวายของผู้ป่วยโควิดในใจกลางประเทศที่มีความก้าวหน้าทางการแพทย์สูงสุด พวกเรายังสามารถช่วยกันเปลี่ยนแปลงชะตากรรมนี้ได้

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image