พลพีร์ ลั่น! ไม่คิดว่ายังมีเล่นการเมืองกับโควิด ยันฟาวิฯ มีประสิทธิภาพ
เมื่อวันที่ 22 มีนาคม นายพลพีร์ สุวรรณฉวี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (ฝ่ายการเมือง) ประจำนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงประเด็นที่ นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ประสิทธิภาพของยารักษาโรคโควิด-19 ฟาวิพิราเวียร์ ว่า สธ.มีความพยายามจัดหายาเพื่อบรรเทาสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าโควิด-19 เป็นโรคใหม่ ยา วัคซีน หรือแม้กระทั่งความรู้ด้านการแพทย์ก็มีการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ จึงมาเป็นแนวทางเพื่อรักษาผู้ป่วยให้มีอาการดีขึ้น
สำหรับโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน มีหลักฐานชัดเจนว่าผู้ติดเชื้อโดยส่วนใหญ่จะไม่มีอาการ หรืออาการน้อย ฉะนั้น แนวทางรักษาสำหรับผู้ติดเชื้อกลุ่มสีเขียวก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยา แต่สำหรับผู้ป่วยที่อาการปานกลาง โดยไม่มีภาวะเสี่ยงอะไรเพิ่มเติม แนวทางรักษาก็จะใช้ยาฟาวิพิราเวียร์
“ที่ผ่านมาเราใช้ยาชนิดนี้กว่าล้านเม็ด รักษาผู้ป่วยให้หายดีกว่า 2 ล้านคน เป็นข้อมูลชี้ชัดเจนว่ายามีประสิทธิภาพ ได้ผลในการรักษา ไม่คิดว่าปัจจุบันยังมีคนเล่นการเมืองกับโควิด-19 อีก ผมขอให้เรื่องการแพทย์มาจากคนทำงานจริงเป็นผู้ออกความคิดเห็น การจัดหายาแต่ละตัวเข้ามาใช้ก็เกิดจากคนทำงาน มีคณะกรรมการจัดหาที่มาจากคนทำงานจริง แน่นอนว่าถ้ายาฟาวิพิราเวียร์ไม่ดีอย่างที่ใครกล่าวหา เชื่อว่าแพทย์ไทยไม่มีใครเห็นชอบให้ใช้กับประชาชนแน่นอน” นายพลพีร์กล่าว
ทั้งนี้ นายพลพีร์กล่าวว่า สำหรับยาอื่นๆ เช่น โมลนูพิราเวียร์ กรมการแพทย์ก็นำเข้ามาแล้ว 50,000 คอร์ส ขณะเดียวกันวันนี้จะมีการนำเสนองบประมาณต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการจัดซื้อยาแพกซ์โลวิดอีก 50,000 คอร์ส นอกจากนั้นก็มีความพยายามผลิตเองในประเทศ และหาความร่วมมือจากนานาประเทศเพิ่มเติม ฉะนั้น รัฐบาล โดย สธ.พร้อมดูแลคนไทยทุกทาง ทั้งวัคซีน ยาและระบบสาธารณสุข เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจ ร่วมกันเดินหน้าทำให้โควิดกลายเป็นโรคประจำถิ่นโดยเร็ว เพื่อให้เรากลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติสุข
“ดังนั้น ที่มีการกล่าวหาว่าคนเป็นรัฐมนตรีว่าการ สธ.จะต้องให้น้ำหนักต่อสุขภาพและชีวิตของประชาชนเป็นสำคัญเหนือกว่าเงินงบประมาณที่จะต้องสูญเสียไป ภาพที่เห็นวันนี้ก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนว่า ไม่มีสิ่งใดเหนือไปกว่าชีวิตและสุขภาพของประชาชน” นายพลพีร์กล่าว
