ช่วงเปิดมาต้นปี 2561 ตลาดหุ้นทั่วโลกสดใส รวมทั้งตลาดหุ้นไทย ดัชนีทะยานขึ้นไปสูงกว่า 1,800 จุด แต่ด้วยปัจจัยและข่าวสารต่างๆ ทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงมา ในช่วงครึ่งปีหลังตลาดหุ้นยังน่าลงทุนอยู่หรือไม่ มันนี่ทิป มีคำแนะนำและการปรับพอร์ตจาก ธนาคารกสิกรไทย มาฝากกันค่ะ
ปัจจัยลบที่จะมีผลกระทบกับตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปี คือ การขึ้นอัตราของธนาคารกลางสหรัฐที่ปีนี้คาดว่า จะปรับขึ้นถึง 4 ครั้ง การดำเนินนโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลัก สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศต่างๆ ปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ ด้านปัจจัยหนุน คือ อัตราการขยายตัว (จีดีพี) ของไทยปีนี้ที่ยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้ดี โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าจะขยายตัวได้สูงถึง 4.5% ซึ่งเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะขยายตัว 3.8% ก็จะเห็นได้ว่า เศรษฐกิจของบ้านเราในปีนี้เติบโตได้อย่างโดดเด่น นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีทุนสำรองระหว่างประเทศและดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับสูง อีกทั้งมีหนี้ต่างประเทศระยะสั้นในระดับที่ต่ำ กำไรของบริษัทจดทะเบียนไทยปีนี้ยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้ดี โดยคาดการณ์ว่า จะขยายตัวได้ 10.4%
ดัชนีหุ้นไทยปีนี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยให้เป้าหมายดัชนีช่วงปลายปีที่ 1,898 จุด สำหรับนักลงทุนระยะยาว จึงน่าสนใจที่จะทยอยสะสมหุ้นไทย โดยสามารถลงทุนผ่านกองทุนมีนโยบายลงทุนในหุ้นไทยได้
ส่วนตลาดหุ้นต่างประเทศ ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ที่ปรับตัวลงมา เช่น จีน ถ้ามาดูพื้นฐานเศรษฐกิจของจีน จะพบว่า เศรษฐกิจจีนยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ในระดับสูง ปัจจุบันราคาซื้อขาย อัตราส่วนราคาต่อกำไร หรือ พีอี ยังต่ำกว่าตลาดหุ้นของประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐ ญี่ปุ่น หรือยุโรป การปรับลงมาของตลาดหุ้นจีนในช่วงที่ผ่านมาถือเป็นโอกาสดีที่จะทยอยสะสมกองทุนหุ้นจีนได้ รวมทั้ง ตลาดหุ้นยุโรป เป็นอีกหนึ่งภูมิภาคที่น่าสนใจคือ โดยยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและพีอียังต่ำอยู่เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต้องติดตามสถานการณ์ต่างๆ เพื่อให้สามารถวางแผนการลงทุนได้อย่างทันท่วงที และควรวิเคราะห์ข้อมูลให้ชัดเจน อย่าตกใจไปก่อน เพราะแทนที่ลดผลกระทบจะทำให้เกิดความเสียหายแทนได้
กระปุกหมู
