ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอ ขณะเดียวกันดอกเบี้ยก็อยู่ในระดับต่ำ อาจกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนสูงเพิ่มขึ้น โดยหนึ่งในทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนสูงที่อันตราย คือ “แชร์ลูกโซ่” ที่เคยสร้างความเสียหายหลักหมื่นล้านบาท และกระทบกับคนจำนวนมาก แต่แชร์ลูกโซ่ยังไม่หายไปจากสังคมไทย ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้จัดทำแบบสำรวจความคิดเห็นต่อกรณีนี้ มันนี่ทิปมีข้อมูลมาฝากกันค่ะ
สำหรับคำถามเกี่ยวกับทางเลือกการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงที่ไม่ใช่สถาบันการเงินหรือตลาดทุน พบว่าส่วนใหญ่ราว 81% ระบุว่าไม่สนใจเพราะกลัวว่าจะถูกหลอก ไม่มีความรู้ที่เพียงพอ และไม่มีเงินออมไว้รองรับการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง อย่างไรก็ตาม อีก 19% แสดงความสนใจที่จะลงทุนจากการคาดหวังว่าจะได้รับผลตอบแทนสูงเพื่อใช้ออมเงิน รวมถึงใช้จ่ายในชีวิตประจำวันในช่วงเศรษฐกิจฝืดเคือง ซึ่งกลุ่มนี้อาจมีโอกาสตกเป็นเหยื่อได้
ดังนั้น ก่อนการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราท้องตลาดทั่วไป ประชาชนควรตรวจสอบคุณลักษณะของการลงทุนและตัวกิจการที่เข้าข่ายความเสี่ยงที่จะถูกหลอกให้ลงทุนในแชร์ลูกโซ่ ได้แก่
1.ตัวกิจการ กิจการไม่ได้จดทะเบียน หรือจดทะเบียนแล้ว แต่ดำเนินธุรกิจต่างจากที่ยื่นจดทะเบียนไว้ ขณะที่มักไม่มีรายละเอียดของผู้บริหาร/ผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน และแผนการลงทุนไม่ชัดเจน โดยอาจอ้างว่าต้องเก็บเป็นความลับ
2.การรับสมาชิกและการขายสินค้า มักมีเงื่อนไขให้สมาชิกต้องซื้อสินค้า เพื่อเข้าร่วมธุรกิจในครั้งแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป กลับเน้นให้สมาชิกชักชวนคนอื่นมาเข้าร่วมเครือข่าย มากกว่าการเสนอขายสินค้า
3.ผลตอบแทน การจ่ายผลตอบแทนขึ้นกับจำนวนสมาชิก ยิ่งหาสมาชิกได้มากผลตอบแทนยิ่งมาก หรือไม่ ก็มีการการันตีผลตอบแทนในลักษณะคงที่ที่ค่อนข้างสูง ไม่ได้ขึ้นกับสภาวะตลาด ขณะที่มักไม่มีเอกสารรองรับการทำธุรกรรม
4.การคืนสินค้าหรือคืนเงิน มักไม่มีนโยบายคืนสินค้า/คืนเงิน หรือมักทำให้มีขั้นตอนการคืนสินค้า/คืนเงิน/ถอนเงินที่ยุ่งยาก เพื่อสมาชิกถอนทุนได้ยาก
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเสนอแนะว่าในส่วนของภาครัฐเอง ต้องมีการให้ความรู้ความเข้าใจและความรู้ทางการเงินเพิ่มเติมกับประชาชน มีการทำแอพพลิเคชั่นสำหรับตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมแชร์ลูกโซ่ มีสายด่วนเพื่อร้องเรียนแชร์ลูกโซ่ เป็นต้น
กระปุกหมู
