ปิดเกมชิง “ดิวตี้ฟรี” สุวรรณภูมิ ลุ้นต่อเชียงใหม่ หาดใหญ่ ภูเก็ต พื้นที่นี่ใครครอง!!!

หลังจากที่ลุ้นกันมานานว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัยในการประมูลโครงการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) และโครงการบริหารจัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 1 สัญญาไปครอง ล่าสุดวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ก็ได้ประกาศผู้ที่มีผลคะแนนรวมสูงสุดของผู้ยื่นข้อเสนองานประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าดิวตี้ฟรี คือ บริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด พร้อมกับผู้ชนะที่ได้สิทธิประกอบกิจการบริหารจัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ภายในอาคารผู้โดยสาร คือ บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด

คิงเพาเวอร์กวาดเรียบ

ย้อนดูผลการประมูลดิวตี้ฟรี ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นั้นพบว่า คิงเพาเวอร์เฉือนชนะผู้ประมูลรายอื่น ทั้ง 2 ส่วน คือ 1.การประมูลขายดิวตี้ฟรี ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยอันดับ 1 ได้แก่ บริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ขณะที่อันดับ 2 คือ บริษัท การบินไทย กรุงเทพ จำกัด (บีเอ) และบริษัท โฮเต็ล ล็อตเต้ จำกัด ผู้ประกอบกิจการดิวตี้ฟรีจากประเทศเกาหลีใต้ ส่วนอันดับ 3 บริษัทโรงแรมรอยัลออคิด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรืออาร์โอเอช และพันธมิตร 3 ราย ประกอบด้วย บริษัทโรงแรมรอยัลออคิด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัท เอ็มไพร์ เอเชีย กรุ๊ป จำกัด และ WDFG UK LIMITED ผู้ประกอบการดิวตี้ฟรี ที่มีฐานในประเทศอังกฤษ

ส่วนที่ 2.การประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือพื้นที่การค้าทั้งหมดของสนามบิน อันดับ 1 ได้แก่ บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด และอันดับ 2 บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ซึ่งภายหลังจากการประกาศผลคะแนน ผู้ที่ได้คะแนนเป็นอันดับที่ 2 และ 3ต้องกลับไปก่อน ไม่สามารถอยู่พูดคุยในเรื่องของข้อตกลงด้านรายละเอียดต่างๆ ได้ แต่ถ้าเอกชนรายใดมีความประสงค์จะขอดูคะแนน ที่ทางคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกได้มีการพิจารณาคะแนนเต็ม 100 คะแนน แบ่งเป็นคะแนนด้านเทคนิค 80 คะแนน คะแนนทางด้านราคา 20 คะแนนนั้น สามารถทำหนังสือเพื่อขอรับทราบรายละเอียดของการให้คะแนนหรือต้องการคัดค้านในผลประมูลได้ โดยจะต้องเสนอมาก่อนที่คณะกรรมการจะพิจารณาอนุมัติ ในวันที่ 19 มิถุนายนนี้ และขอดูได้เฉพาะในส่วนคะแนนของตัวเองเท่านั้น

Advertisement

ทอท.แจงผู้ชนะเฉือนด้านค่าตอบแทน

นายวิชัย บุญยู้ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) สายงานพัฒนาธุรกิจและการตลาด ชี้แจงว่า ทอท.ได้เชิญคิงเพาเวอร์ ผู้ที่ได้รับคะแนนอันดับ 1มาเจรจาผลตอบแทนแล้ว ปรากฏว่าผลตอบแทนที่ได้รับมากกว่าปัจจุบัน และเกินความคาดหมายแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยราคาที่เสนอมาได้ เนื่องจาก ทอท.เป็นรัฐวิสาหกิจและเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หากเปิดเผยข้อมูลส่วนนี้ไปจะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น แต่ยืนยันได้ประโยชน์สูงสุด

เดิมนั้นสัญญาดิวตี้ฟรีของคิงเพาเวอร์ที่เสนอต่อ ทอท. จะมีส่วนแบ่งรายได้กำหนดไว้ที่ 15% ต่อปี และจะมีการปรับเพิ่มขึ้นทุกปีเป็นอัตราขั้นบันได จนปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 20% ต่อปี ซึ่งการยื่นข้อเสนอครั้งใหม่ คิงเพาเวอร์เสนอให้ส่วนแบ่งรายได้ที่ 20% ตลอดอายุสัญญา 10 ปี และยังข้อเสนออื่นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าปัจจุบัน ซึ่ง ทอท.ได้มีการเจรจาต่อรองขอเพิ่มอีกแล้ว ซึ่งเอกชนตอบรับจนการเจรจาสำเร็จแล้ว นอกจากนี้ ทอท.ยังประเมินว่าคิงเพาเวอร์เป็นผู้ที่เสนอผลตอบแทนสูงสุด โดยเป็นข้อเสนอที่สอดคล้องกับแผนธุรกิจ มีความเป็นไปได้สูง เมื่อเทียบกับแผนธุรกิจของเอกชนรายอื่น

นอกจากนี้ นายวิชัยระบุต่อว่า การเปิดซองราคาเอกชนที่จะเข้ามาบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์ สำหรับผลตอบแทนรายได้ของบริษัท คิงเพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด นั้นได้มีการเสนอค่าตอบแทนรายปีมากกว่าปัจจุบันที่ ทอท.ได้รับอยู่ประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี ถือว่าได้มากเกินความคาดหมายอย่างมาก ส่วนการจ่ายผลตอบแทนรายได้ขั้นต่ำหรือ 15% ของยอดขายนั้นหากผลตอบแทนทางใดสูงกว่ากันก็ให้เอกชนจ่ายผลตอบแทนทางด้านนั้นให้ ทอท. อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่เอกชนจะต้องบริหารจัดการจะมีรวมทั้งสิ้น 2,200 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ในอาคารผู้โดยสารหลังเดิม 18,000 ตารางเมตร อาคารแชทเทิ่ลไลท์ 4,000 ตารางเมตร

ดังนั้น บริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูลได้สิทธิบริหารดิวตี้ฟรีและพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสนามบินสุวรรณภูมิ ระยะเวลา 10 ปี นับจากวันที่ 28 กันยายน 2563 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2574

กลุ่มรอยัลออคิดยังติดใจคะแนน

นายวิทวัส วิภากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ ตัวแทนกลุ่มโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน (ประเทศไทย) ผู้ร่วมประมูลโครงการบริหารพื้นที่ปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) สุวรรณภูมิ กล่าวว่า จากการประกาศคะแนนด้านราคา พบว่ากลุ่มคิงเพาเวอร์ได้คะแนนกว่า 90 คะแนน กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มบางกอกแอร์เวย์ส ได้คะแนนกว่า 80 คะแนน และกลุ่มที่ 3 คือกลุ่มรอยัล ออคิด ที่ได้คะแนนกว่า 70 คะแนน

“ตนรู้สึกเสียใจและเสียดายมาก เพราะเราไม่ได้โครงการนี้เราเตรียมความพร้อมมาดีมาก ได้เชิญผู้ที่มีประสบการณ์ดิวตี้ฟรีเบอร์ 1 ของโลกมาร่วมงาน หลังจากนี้จะคุยกับพันธมิตรว่าจะทำอย่างไรต่อ และจะทำหนังสือมายัง ทอท.เพื่อขอดูรายละเอียดการติดคะแนน แจกแจงแต่ละส่วนด้วย เพราะในครั้งนี้ไม่ได้ชี้แจงเรา บอกแค่คะแนนรวม และก็ไม่ได้บอกว่าเราบกพร่องจากอะไร ซึ่งมั่นใจว่าทางกลุ่มทำข้อมูลมาดีไม่บกพร่อง”

ซึ่งนายวิทวัสยืนยันเดินหน้าร่วมประมูลในโครงการที่เหลือส่วนของภูมิภาค โดยในวันที่ 4 มิถุนายนนี้ จะเข้ามายื่นซองข้อเสนอบริหารร้านค้าปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) สนามบินภูมิภาค ทั้ง 3 แห่ง ประกอบด้วย สนามบินภูเก็ต สนามบินเชียงใหม่ และสนามบินหาดใหญ่ แน่นอน และยังร่วมมือกับพันธมิตรรายเดิมเบอร์ 1 ดิวตี้ฟรีของโลก เพื่อเข้าร่วมประมูลเหมือนเดิม

สมาคมดิวตี้ฟรีหนุนแจกแจงผลประมูล

ขณะที่ นางรวิฐา พงศ์นุชิต นายกสมาคมการค้าร้านค้าปลอดอากรไทย มองว่า ในการประมูลดังกล่าว บริษัท การท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ในฐานะที่เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ที่จะได้ประโยชน์สูงสุดจากการเปิดประมูลสัมปทานพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสนามบิน ควรมีการพิจารณาที่โปร่งใสกว่านี้ ซึ่งในการประกาศผลคะแนนที่ผ่านมา บอกเพียงคะแนนด้านเทคนิค 80% ด้านราคาผลตอบแทน 20% โดยมองว่าควรบอกให้ผู้ประมูลทุกรายทราบถึงผลตอบแทนที่แต่ละรายเสนอเพื่อวัดผลต่อหน้ากันเลย หากทำแบบนี้ถึงจะเชื่อว่าการประมูลมีความโปร่งใส

“ทอท.มีผลคะแนนในด้านต่างๆ ของผู้ประมูลอยู่ในมืออยู่แล้วน่าจะมีการแจ้งให้แต่ละรายทราบถึงข้อเท็จจริงไปเลยว่าผู้ชนะเฉือนชนะไปด้วยคะแนในส่วนไหน และมีอีกหนึ่งข้อสังเกตที่เกรงว่าการประมูลในครั้งนี้เสี่ยงไม่โปร่งใส คือ ถ้าทางคิงเพาเวอร์ชนะการประมูลจริงทำไมถึงจะต้องเรียกคุยในเรื่องของข้อเสนอเพิ่มเติมด้วย ส่วนตัวจึงคิดว่าทางผู้ยื่นประมูลรายอื่นอาจเสนอผลตอบแทนรายได้มากกว่าผู้ชนะ จึงต้องมีการชี้แจงและเรียกผลประโยชน์เพิ่มเติม ซึ่ง ทอท. ต้องทำความเข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความสนใจ การที่ ทอท. แจ้งว่าจะมีการชี้แจ้งรายละเอียดทั้งหมดในวันที่ 19 มิถุนายนนี้ ยิ่งเป็นการมัดตัว ทอท.เอง ถึงการทำงาน และหากเหตุผลที่เลือกเป็นเพราะต้องการให้สัญญามีความต่อเนื่องก็ไม่ควรจัดการประมูลขึ้นมาตั้งแต่แรก”

นางรวิฐายังระบุอีกว่า ส่วนเหตุผลของ ทอท.ที่ปัดไม่ตอบเรื่องผลตอบแทนทางรายได้ เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อราคาหุ้นนั้น มองว่าการที่บ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบในประเด็นดังกล่าว ก็ส่งผลถึงภาพลักษณ์ที่ไม่ดีแล้ว เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์คำนึงถึงความโปร่งใสในการทำงานเป็นหลัก ทั้งนี้ จึงไม่มีเหตุผลในที่จะปิดในส่วนของรายได้ให้กับผู้ประมูลทุกรายได้ทราบ อย่างไรก็ตาม ในเรื่องที่คณะกรรมการ ทอท. จะเปิดให้เอกชนที่ต้องการทราบวิธีการคิดคะแนนทำหนังสือ เพื่อขอรับทราบรายละเอียดได้ แต่สามารถขอดูคะแนนในส่วนของผู้ที่ยื่นขอดูคะแนนได้เท่านั้น หากเป็นเช่นนั้น ทางสมาคมไม่ติดใจในเรื่องว่าใครจะเป็นผู้ชนะหรือแพ้ แต่ควรที่จะให้ผู้ยื่นประมูลทราบคะแนนของทุกฝ่ายเพื่อความเป็นธรรม

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการประมูลบริหารร้านค้าปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) สนามบินภูมิภาค ใน 3 สนามบิน ประกอบด้วย สนามบินภูเก็ต สนามบินเชียงใหม่ และสนามบินหาดใหญ่ คาดว่าจะดำเนินการในลักษณะเดียวกัน จึงอยากฝากให้ดำเนินการโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และควรชี้แจงรายละเอียดให้ครบถ้วน ซึ่งถือป็นเรื่องที่ดีกับทุกฝ่ายรวมถึงภาพลักษณ์ของ ทอท.ด้วย

บริหาร?ดิวตี้ฟรี?ควรหลากหลาย

จากที่มีการตั้งคำถามประเทศไทยควรมีดิวตี้ฟรีหลายราย เพราะมองแง่การแข่งขัน จะทำให้คุณภาพการให้บริการและผลตอบแทนเข้ารัฐสูงขึ้นนั้น นายวรวุฒิ อุ่นใจ นายกสมาคมค้าปลีกไทย ให้ความเห็นว่า ถ้าเกิดสัมปทานแบ่งตามกลุ่มสินค้าจะให้ผลตอบแทนไม่เท่ากัน ถ้ากลุ่มน้ำหอมอาจจะให้ผลตอบแทนรัฐ 50% เพราะกำไรดี แต่พอเป็นธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า อาจจะให้ผลตอบแทนรัฐ 20-25% อันนี้พอเข้าใจได้ เพราะกำไรอาจจะไม่เท่าน้ำหอม แต่พอเหมารวมให้ผู้ประกอบการรายเดียว เขาจะเอาผลตอบแทนที่ต่ำสุดเสนอให้ทางรัฐ เพราะมันต้องเฉลี่ยกัน ทีนี้รัฐก็เสียผลประโยชน์ ดังนั้นสมาคมค้าปลีกจึงสนับสนุนให้แบ่งสัมปทานตามกลุ่มสินค้า เพราะ 1.รัฐได้ผลประโยชน์ 2.ได้ผู้เชี่ยวชาญจริงๆ 3.เกิดการแข่งขัน 4.เกิดการโปร่งใส่

จากนี้ต้องดูต่อในการประมูลพื้นที่ดิวตี้ฟรี ภูมิภาค สนามบินภูเก็ต หาดใหญ่ และเชียงใหม่ มีเอกชนที่ยื่นประมูลมี 4 ราย คือ คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี, กลุ่มบีเอ, กลุ่มอาร์โอเอช และกลุ่มซีพีเอ็น จะเปิดยื่นข้อเสนอ 4 มิถุนายน นำเสนอผลงาน 5-6 มิถุนายน และเปิดซองประกาศผู้ชนะประมูล 10 มิถุนายนนี้ หลังการเปิดซองและประกาศผู้ชนะประมูลทั้ง 3 สัญญาแล้วจะนำเสนอคณะกรรมการรายได้ 12 มิถุนายน ต่อด้วยเสนอบอร์ด ทอท. 19 มิถุนายน และเซ็นสัญญาเร็วสุดในเดือนกรกฎาคม และอย่างช้ากลางสิงหาคม 2562 โดยก่อนหน้านี้ ทอท. รับส่วนแบ่งรายได้ ในส่วนของดิวตี้ฟรี สุวรรณภูมิ จากผู้รับสัมปทานเดิม คือ คิงพาวเวอร์ ที่ระดับราว 15% แต่ในการประมูลครั้งนี้กำหนดไว้จะต้องแบ่งรายได้ไม่ต่ำกว่า 20% ซึ่งเมื่อประกาศผลก็เป็นไปตามที่ทางสมาคมคาดการณ์ไว้

ย้อนรอยกรณีไมเนอร์สอบตก

นอกจากนี้ นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ออกมาชี้แจงกรณีบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (เอ็มไอเอ็นที) ตกคุณสมบัติการประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่า หากวิเคราะห์จากข้อเท็จจริง คือ ผู้ที่มาซื้อซองเข้าประมูลคือ เอ็มไอเอ็นที ซึ่งเป็น บริษัทโฮลดิ้ง ที่ไม่มีประสบการณ์ในการบริหารงาน โดยบริษัทลูกที่มีประสบการณ์ในการบริหารงานคือ ไมเนอร์ฟู้ดส์ โดยในการประมูลที่ผ่านมาทั้งท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานภูเก็ต ไมเนอร์ฟู้ดส์ เป็นผู้เข้าประมูลมาโดยตลอด

ซึ่ง ทอท.เปิดให้ยื่นรายชื่อ ผู้ร่วมค้า หรือผู้ร่วมทุน ได้ภายในวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา เมื่อเลยกำหนดระยะเวลาแล้ว เอ็มไอเอ็นทีไม่ได้มีการยื่นรายชื่อใด ทาง ทอท.จึงขอชี้แจงว่า การที่เอ็มไอเอ็นทีได้ออกแถลงข่าว โดยกล่าวว่า ไมเนอร์ฟู้ดส์ อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ เอ็มไอเอ็นทีนั้น ทอท.ไม่ได้ปฏิเสธประเด็นดังกล่าว แต่หากไมเนอร์ฟู้ดส์ และเอ็มไอเอ็นที เป็นคนละนิติบุคคลกัน โดยเงื่อนไขการประมูล (ทีโออาร์) ระบุไว้ชัดเจนว่าต้องเป็นผู้ซื้อซองเท่านั้น ถึงยื่นประมูลได้ ดังนั้น หากต้องการใช้ประสบการณ์ของไมเนอร์ฟู้ดส์ ในการยื่นประมูล ก็สามารถดำเนินการได้โดยให้ ไมเนอร์ฟู้ดส์ เป็นผู้ซื้อซองและยื่นประมูล

อย่างไรก็ตาม หากเอ็มไอเอ็นทีปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด ทาง ทอท.ก็จะเปิดโอกาสให้ อย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะผ่านคุณสมบัติ แต่เมื่อมีการใช้นิติบุคคลหนึ่ง ยื่นเข้าแข่งขัน โดยใช้ประสบการณ์ความสามารถของอีกนิติบุคคลหนึ่งนั้น ไม่สามารถทำได้ตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ในทีโออาร์ จากเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้ไมเนอร์สอบตกคุณสมบัติดังกล่าว

ลุ้นต่อประมูลดิวตี้ฟรีรายภาค

ในเร็วๆ นี้คงต้องลุ้นต่อว่าใครจะคว้าสัญญาประมูลดิวตี้ฟรี 3 สนามบินในภูมิภาค ที่เหลืออีก 1 สัญญา ซึ่งมีรายชื่อผู้เข้าตัวเข้าประมูลแล้ว 4 รายคือ คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี, กลุ่มบางกอกแอร์เวย์ส-ล็อตเต้ฯ, กลุ่มโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน (ประเทศไทย) ที่จอยต์เวนเจอร์กับ WDFG UK และกลุ่มเซ็นทรัลที่แจ้งกิจการร่วมค้ากับดีเอฟเอส เวนเจอร์ สิงคโปร์ โดยเดิมกำหนดให้วันยื่นซองประมูล 3 มิถุนายน แต่เนื่องจากเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ทอท.จึงเลื่อนเป็นวันที่ 4 มิถุนายนแทน ก่อนเปิดให้แต่ละรายนำเสนอแผนงานในช่วงวันที่ 5-6 มิถุนายน และเปิดซองราคาและประกาศผลผู้ชนะคะแนนสูงสุด 10 มิถุนายน โดยยังคงใช้รูปแบบเกณฑ์การให้คะแนนแบบเดิม คือ คะแนนด้านเทคนิค 80% ด้านราคาผลตอบแทน 20%

จะว่าไปแล้วทุกวันนี้สนามบินประจำภาคนั้นจะโดดเด่นน้อยกว่าสนามบินในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ เพราะนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่มาไทยเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมบินตรงเข้าเมืองท่องเที่ยวปลายทางมากขึ้นดังนั้นความต้องการซื้อของใช้ของกินของฝาก นับวันจะเติบโต ดูได้จากรายใหญ่ไม่ว่าที่ได้คว้าชัยไปแล้ว 2 สัญญา และรายที่ผิดหวังก็ยังไม่สิ้นหวังที่จะชิงชัยต่อเพื่อเข้าบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ในระดับภูธร ก็คงต้องเฝ้าดูขั้นตอนการทำงานของคณะกรรมการ ทอท.อีกครั้ง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image