เฉลียงไอเดีย : ‘ปรีญาณี กองบุญมา’ นำทัพปั้น โพสิทีฟ รับภารกิจ ‘สร้างสรรค์สิ่งดีเพื่อตอบแทนสังคม’

ส่วนใหญ่ของการเริ่มต้นทำธุรกิจ ถ้าไม่ใช่เพราะมี Passion ก็ต้องเห็นโอกาสแห่งความสำเร็จ

แต่แบรนด์ “Positif” (โพสิทีฟ) มีจุดเริ่มต้นที่ต่างไป โดยมาจากไอเดียของ คุณมารชัย กองบุญมา ประธาน บริษัท เคบีเอ็ม กู๊ดวิล จำกัด ในเครือบริษัท จันวาณิชย์ ที่ทำธุรกิจมานานกว่า 100 ปี อยากให้สังคมไทยน่าอยู่ คนในสังคมมีแต่ความปรารถนาดีต่อกัน เป็นสังคมที่มีความเอื้ออาทร แบ่งปัน ช่วยเหลือ ส่งต่อความสุขให้กันและกัน จึงก่อกำเนิด Positif เพื่อส่งมอบสิ่งที่ดีต่อสุขภาพให้คนไทย โดยได้น้องสะใภ้ คุณคี้-ปรีญาณี กองบุญมา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เคบีเอ็ม กู๊ดวิล จำกัด เป็นแม่ทัพใหญ่ขับเคลื่อนแบรนด์ Positif จึงได้นัดหมาย ขอฟังแนวคิดจากคุณคี้ หลังรับภารกิจ

“เหมือนลูกคนที่ 4 ทำคลอดด้วยตัวเอง” บอสใหญ่คุณแม่ลูกสาม กล่าวติดตลกพร้อมเสียงหัวเราะ เมื่อนึกย้อนความเริ่มต้นทำแบรนด์เมื่อ 8 ปีก่อน หลังได้รับโจทย์จากคุณมารชัย ที่จุดประกายมาจากนิสัยชอบไปวัดทำบุญ ได้พบเห็นปัญหาของพระ ครูบาอาจารย์ที่ร่วมนั่งสมาธิ หรือแม้แต่พระส่วนใหญ่ที่ทำวัตร นั่งสวดมนต์เป็นเวลานานๆ เป็นประจำ ก็อาจมีปัญหาสุขภาพเช่นเดียวกับผู้ชายสูงวัยทั่วไปที่มักเจอความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากและปัญหาปัสสาวะอักเสบ ทำให้รู้ว่าถ้าร่างกายไม่แข็งแรงก็จะทำอะไรไม่ได้หรือไม่ดี จึงคิดว่าน่าจะทำอะไรที่เกี่ยวกับสุขภาพ ให้คนไทยมีร่างกายที่แข็งแรงเพื่อสามารถทำสิ่งต่างๆ ที่ต้องการได้

โปรเจ็กต์ปั้นแบรนด์จึงเกิดขึ้นตามคอนเซ็ปต์ของท่านประธานมารชัย พิถีพิถันตั้งแต่การตั้งชื่อ “Positif” เพื่อสื่อถึงพลังชีวิตที่มีศักยภาพ มีคุณค่าในตัวเองที่สามารถช่วยกันสร้างสรรค์โลกนี้ให้มีความสวยงาม โดยผลิตภัณฑ์จะช่วยให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรงทางกาย ทั้งภายนอกและภายใน เพื่อให้มีความสุข เกิดความสำเร็จในแบบฉบับของตัวเอง เหมือนกับการวาง Brand Positioning ไว้ว่า “proudly to be me”

Advertisement

พิถีพิถันในขั้นตอนการผลิต โดยเลือกพาร์ตเนอร์จากญี่ปุ่น ประเทศที่ได้รับการยอมรับด้านมาตรฐานและทำการวิจัยและพัฒนา (research and development : R&D) ด้านสุขภาพมาอย่างยาวนาน

โดยก่อนเริ่มทำแบรนด์ได้ทำ R&D ร่วมกับพาร์ตเนอร์ญี่ปุ่น ผลิตสินค้าเพื่อตอบโจทย์คนไทยโดยเฉพาะ โดยสินค้าที่ผลิตขึ้นมาทั้งหมดส่งตรงมาจากญี่ปุ่น

อาจเป็นความบังเอิญหรือไม่ ไม่รู้ แต่ก็ทำให้การเริ่มต้นธุรกิจไหลลื่น ด้วยเพราะคุณคี้เรียนจบมาจากญี่ปุ่น มีความคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับวัฒนธรรมและคนญี่ปุ่น ซึ่งเจ้าตัวก็บอกเองว่าน่าจะเป็นความบังเอิญ ด้วยเพราะทางบ้าน โดยคุณพ่อของคุณคี้ส่งไปเรียนที่ญี่ปุ่นเพื่อมาช่วยธุรกิจทางบ้าน (บริษัท นานมี (กรุ๊ป) จำกัด ผู้ผลิตเครื่องเขียน “ตราม้า” และอุปกรณ์สำนักงาน) ซึ่งมีคู่ค้าทางธุรกิจเป็นญี่ปุ่น แต่ Positif เป็นธุรกิจทางบ้านสามีของคุณคี้ จึงมองว่าเป็นโอกาสมากกว่า

Advertisement

เริ่มต้นทำตลาดแบรนด์ Positif คุณคี้บอกว่าเลือกกลุ่มสกินแคร์ก่อน เพราะการทำผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับอาหารเสริมต้องใช้เวลา มีขั้นตอนกระบวนการหลายอย่าง และต้องผ่านการตรวจสอบจาก อย. อย่างเข้มข้น ส่วนผลิตภัณฑ์เสริมอาหารได้ทำตลาดในเวลาต่อมา เพราะเป็นความตั้งใจแต่แรกอยู่แล้วว่าจะทำผลิตภัณฑ์เพื่อดูแลสุขภาพองค์รวม จนมีสินค้าประมาณ 50 SKU แต่ปัจจุบันโฟกัสสินค้าเหลือเพียง 20 SKU ผลจากปัญหาด้านเศรษฐกิจชะงักลง ตั้งแต่เกิดการระบาดโควิด-19 เรื่อยมา จึงต้องกระชับองค์กร คัดสินค้ามีศักยภาพ ตัดกลุ่มคอสเมติก เลิกทำตลาด เหลือเพียงกลุ่มสกินแคร์ บำรุงผิวหน้า และอาหารเสริม หลักๆ มี 4 SKU คือ คอลลาเจน, ไลโคปีน, น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ (Flaxseed Oil) และเอแอลเอ เอนไซม์ คิว10 เป็น Anti Aging ตอบสนองกลุ่มผู้สูงวัย รองรับประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย ซึ่งผลิตภัณฑ์มีองค์ประกอบหลักจากธรรมชาติทั้งสิ้น และคัดสรรสิ่งที่ดีของแต่ละประเทศมารวมไว้ใน Positif

“ช่วงแรก เปิดตัวด้วยสกินแคร์เป็นหลัก ผลตอบรับดีทั้งสบู่ โลชั่น คลีนซิ่งออยล์ เซรั่ม มีการซื้อซ้ำเยอะ จากนั้นเปิดตัวกลุ่มอาหารเสริมคอลลาเจน เป็นช่วงที่ตลาดกำลังคึกคัก ผลตอบรับดีมาก แต่พอเจอสถานการณ์โควิดทุกคนรัดเข็มขัด การใช้จ่าย การทำกิจกรรมการตลาดก็น้อยลง ส่งผลให้ฝ่ายผลิตต้องหยุดงานไปบ้างบางช่วงเวลา และเราเองต้องกระชับองค์กร แต่สินค้า SKU ไหนที่เราตั้งเป้าผลักดันก็จะทุ่มเททรัพยากรตรงจุดนั้นให้มากขึ้น และปรับรูปแบบการขาย ด้วยการหา Member (สมาชิก) มาช่วยบอกต่อผลิตภัณฑ์ดีๆ ของเรา เป็นแบบ Single Level Dropship ส่วนหนึ่งเพราะอยากช่วยให้คนมีรายได้ จากสถานการณ์โควิดทำให้คนตกงานกันมาก เป็นโอกาสดีที่จะมาช่วยกัน คนที่อยากมีรายได้ก็มาเป็นเมมเบอร์โดยไม่มีภาระเพิ่ม แค่บอกต่อผลิตภัณฑ์ เมื่อมีออเดอร์เราจะจัดส่งสินค้าให้เอง ซึ่ง Feedback ดีมาก ทำให้ระบบนี้ยังใช้อยู่จนปัจจุบัน อีกส่วนที่ทำคือเน้นขายทางออนไลน์ จากเดิมจะมีหน้าร้าน แต่ช่วงเจอโควิดก็ต้องหยุดไปก่อน

“ยอมรับว่าช่วงสถานการณ์โควิดระบาด กระทบมาก โดยเฉพาะหน้าร้าน หนักถึงขนาดพนักงานบางคนต้องกลับบ้านเพราะไม่มีงานให้ทำ เนื่องจากลูกค้ารัดเข็มขัด” คุณคี้ เล่าถึงช่วงเกิดการระบาดในประเทศ ใหม่ๆ

ถามถึงการแก้ไขสถานการณ์ ใช้อะไรเป็นตัวช่วยในการเรียกขวัญกลับมา คุณคี้บอกว่า ต้องขอบคุณผู้บริหารที่มีสติและมีกำลังใจ มีความมุ่งมั่นว่าสิ่งที่ทำอยู่เป็นสิ่งที่ดี เพราะฉนั้นต้องอดทน แล้วจะผ่านไปได้ จากคำพูดเหล่านี้สามารถเรียกสติกลับมาได้ แต่ก็ต้องปรับเปลี่ยนให้ทันกับสถานการณ์ เพราะทุกอย่างผันผวนเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ “โควิดทำให้เราต้องเรียนรู้กับการเเปลี่ยนแปลง โชคดีมีทีมงาน ลูกน้องที่พยายามช่วยกัน มีความมุ่งมั่น มีมติ เพื่อให้ผ่านมันไปให้ได้”

จากวิกฤตโควิดที่สอนให้มีสติ มุ่งมั่น และอดทน ทำให้เมื่อเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันตามมาอย่างข้อพิพาทระหว่างรัสเซียและยูเคน จนกลายเป็นสงคราม กระทบไปทั่วโลก เกิดปัญหาเงินเฟ้อ ข้าวของแพงขึ้นมาก ครั้งนี้คุณคี้บอกว่าสามารถรับมือได้ และเป็นความโชคดีที่พาร์ตเนอร์ญี่ปุ่นช่วยเหลือด้วย ทำให้รักษาต้นทุนเดิมไว้ได้ จึงไม่กระทบถึงผู้บริโภค Positif ยังคงจำหน่ายราคาเดิม เพียงแต่การทำโปรโมชั่นลดราคาในช่วงโควิดไม่สามารถทำได้แล้ว

วางอนาคต Positif ไว้อย่างไร “พยายามปลูก รดน้ำ ใส่ปุ๋ย เติมดิน หวังเพียงว่า ฟ้าไม่มีฝน-พายุมาก เพื่อให้แบรนด์ของเราเติบโตงอกงาม ดังนั้น ยังตั้งใจทำเฉพาะตลาดเมืองไทยก่อน ไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้คือมีเมมเบอร์ในปีนี้ประมาณ 1,000 คน ให้กลุ่มเป้าหมายได้รู้จักแบรนด์ และทดลองใช้ แต่โดยหลักๆ ยังเป็นการจำหน่ายผ่านออนไลน์ สัดส่วน 80% และเมมเบอร์ 20% และในอนาคตจะเริ่มขายผ่าน on site โดยให้สัดส่วนของพาร์ตเนอร์ในการจำหน่ายออฟไลน์ 30% จากสัดส่วนของออนไลน์ ที่วางแผนเช่นนี้ เพื่อไม่ให้มีความเสี่ยงเกินไปหากเกิดอะไรขึ้นมากระทบ แต่สัดส่วนที่กล่าวมาคืออยู่บนเค้กก้อนที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ไม่ใช่เค้กก้อนเดิม”

คุณคี้ กล่าวด้วยว่า ความคิดขยายตลาดไปนอกประเทศ เดิมคิดอยู่ จะขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ระดับ Regional แต่สถานการณ์ไม่เป็นใจ เจอการระบาดโควิดทั่วโลก หลายประเทศล็อกดาวน์ แต่แผนนี้ไม่ล่ม วางไว้ในอนาคต ถ้าโชคดีปีนี้อาจได้ขยับขยายไปประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ

ถามถึงโอกาสการแตกแบรนด์ใหม่ คุณคี้ย้ำว่า อยากทำแบรนด์นี้ให้สำเร็จก่อน และเมื่อถามการนำกัญชามาเป็นส่วนผสมในสินค้า เทรนด์ที่กำลังเป็นที่นิยม คุณคี้มีสีหน้าจริงจัง กล่าวตอบว่า อะไรที่ใหม่ ยังไม่ได้ผ่านการทดลองมาเป็นเวลานาน จนมีวิจัยที่น่าเชื่อถือ “ถามว่าสนใจหรือไม่ สนใจค่ะ แต่ขอรอดูก่อน รอให้มีผลวิจัยที่แน่นอนกว่านี้ก่อน”

แต่เหนือสิ่งอื่นใด คุณคี้ไม่ลืมวัตถุประสงค์ของแบรนด์ Positif ที่ก่อกำเนิดขึ้น กิจกรรมเพื่อสังคมจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ มีทั้งรายการ “โพสิทีฟ ซันเดย์” ทางทีวี เพื่อสนับสนุนคนดี คนตัวเล็ก เป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนได้เห็นศักยภาพของตัวเอง พร้อมจะลุกขึ้นมาอีกครั้ง และร่วมกับมหาวิทยาลัยศรีปทุม สนับสนุนนักศึกษาได้ฝึกฝนและทดลองทำธุรกิจ ให้ได้ค้นพบศักยภาพในตัว และลูกค้า Positif ได้ร่วมบุญ โดย 1% ของยอดขายไม่หักค่าใช้จ่ายจะบริจาคมูลนิธิธรรมนำไทย เพื่อช่วยเหลือสังคมในเเรื่องต่างๆ

เพราะ Positif ไม่ได้ดีเฉพาะตัวผู้ใช้สินค้า แต่ดีที่มากกว่า

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image