| ที่มา | นสพ.มติชนรายวัน |
|---|---|
| ผู้เขียน | ทีมข่าวเศรษฐกิจ |
| เผยแพร่ |
ประเด็นร้อนแรงตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คงหนีไม่พ้นเรื่องราคาน้ำมันและก๊าซแพง ที่ทำให้รัฐบาลและหลายหน่วยงานถึงขั้นกุมขมับ เพราะผลกระทบได้กระจายออกไปเป็นวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนการขนส่งสินค้าและบริการที่สูงมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องไปถึงราคาสินค้าและบริการที่จะปรับตัวขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน
รถบรรทุกยื่นปรับค่าขนส่ง5%
จนสหพันธ์การขนส่งรถบรรทุกแห่งอาเซียนอดรนทนไม่ได้ ต้องร่อนหนังสือไปถึงกระทรวงพลังงานเพื่อ
เรียกร้องให้นำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่จัดเก็บไว้เกินกว่า 40,000 ล้านบาท ออกมาช่วยสนับสนุน ช่วย
ผู้ประกอบการไม่ให้ได้รับความเดือดร้อน และไม่ให้ปรับราคาเพิ่มขึ้น โดยเสนอให้นำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาช่วยสนับสนุนค่าน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นแทนผู้ประกอบการ
จนถึงไตรมาส 4 ของปี 2561 คือ เดือนกันยายน 2561 หลังจากนั้นจึงค่อยปล่อยให้ราคาน้ำมันเป็นไปตามกลไกตลาด
หากรัฐบาลและกระทรวงพลังงานไม่ช่วยเหลือทาง
ผู้ประกอบการก็ขู่จะปรับค่าขนส่งเพิ่มขึ้นอีก 5% เนื่องจากผู้ประกอบการมีต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นมาก เช่น ค่าขนส่งเฉลี่ย 10,000 บาทต่อเที่ยว ก็จะมีค่าทางด่วน ค่ามอเตอร์เวย์มากกว่า 2% ค่าน้ำมันประมาณ 5% โดยเฉลี่ยต้นทุนการขนส่งได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 7% ด้วย
รถทัวร์ขอปรับค่าตั๋ว10สตางค์
ขณะเดียวกันทางฝั่งสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารขนส่งก็บุกไปพบ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมถึงที่ทำงาน เพื่อขอปรับขึ้นค่าโดยสาร หลังจากราคาน้ำมันดีเซลขึ้นมาอยู่ 29.79 บาทต่อลิตร ซึ่งปรับตัวขึ้นมา 10.10 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 ที่ผู้ประกอบการได้ปรับค่าโดยสารมาเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็ไม่ได้ขึ้นค่าโดยสารอีกรวมประมาณกว่า 3 ปีแล้ว ทำให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระต้นทุนน้ำมัน จนมีผู้ประกอบการเลิกกิจการไปแล้วมากกว่า 30% ตั้งแต่ต้นปี 2560-เดือนกุมภาพันธ์ 2561
โดยทางสมาคมได้เรียกร้องให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาอนุมัติปรับขึ้นราคาค่าโดยสารอีก 10 สตางค์/กิโลเมตร (กม.) หากไม่ช่วยเหลือ ทางผู้ประกอบการก็อาจจะปรับลดเที่ยววิ่ง ซึ่งจะส่งผลให้บางเส้นทางมีรถวิ่งให้บริการเพียง 1 เที่ยววิ่ง/วัน หรืออย่างเส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา จากเดิมที่มีเที่ยววิ่งจำนวน 300 เที่ยว/วัน อาจปรับลดเหลือ 200 เที่ยว/วัน เป็นต้น
ยังให้เหตุผลด้วยว่านอกจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นแล้ว ทางผู้ประกอบการรถทัวร์ก็ต้องเผชิญกับการแข่งขันของสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์) และรถตู้ ที่แข่งขันทำราคาแย่งชิงผู้โดยสาร โดยปัจจุบันจำนวนรถร่วมบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ที่จดทะเบียนอยู่ในระบบมีจำนวนกว่า 10,000 คัน แบ่งเป็นรถที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซเอ็นจีวี 5% และใช้น้ำมันดีเซล 95%
รถร่วมขสมก.ขอขึ้นอีก4บาท
ขณะที่ผู้ประกอบการรถร่วมบริการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ก็ออกมาโอดโอยขอขึ้นค่าโดยสารด้วยเช่นเดียวกัน โดยสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทาง (รถร่วม ขสมก.) ได้ทำหนังสือขอเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อยื่นข้อเสนอและเรียกร้องขอปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารรถร่วม
ขสมก.อีก 4 บาท ทั้งในส่วนของรถธรรมดา และรถปรับอากาศ โดยรถธรรมดาขอปรับขึ้นค่าโดยสารจาก 9 บาท เป็น 13 บาท ส่วนรถปรับอากาศซึ่งจะเก็บค่าโดยสารตามระยะทางนั้น ในส่วนของรถสีน้ำเงินขอปรับขึ้นจากระหว่าง 12-24 บาท เป็น 16-28 บาท รถสีเหลืองขอปรับขึ้นจากระหว่าง 13-25 บาท เป็น 17-29 บาท เนื่องจากกระทรวงพลังงานได้ประกาศปรับขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวีเพิ่มอีกกิโลกรัมละ 0.62 สตางค์ ทำให้ต้นทุนราคาก๊าซของรถร่วมปรับเพิ่มขึ้น
ทางสมาคมยังให้ข้อมูลอีกว่า รถร่วมที่มีอยู่ประมาณ 4 พันคัน มีภาระหนี้สินจำนวนมาก ส่วนราคาเชื้อเพลิง
เอ็นจีวีก็ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่รถร่วมไม่ได้มีการปรับราคาค่าโดยสารมานานกว่า 4 ปีแล้ว ส่วนที่ขอปรับขึ้นราคา 4 บาทนั้นไม่ถือว่ามาก เพราะที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยให้เราปรับขึ้นค่าโดยสารได้ตามผลกระทบต้นทุนที่แท้จริงเลย ทั้งนี้ก็เสนอให้กระทรวงคมนาคมจัดทำสูตรการปรับอัตราค่าโดยสารในรูปแบบเดียวกับเรือโดยสาร ที่สามารถปรับขึ้นและลงได้ตามราคาน้ำมันหรือก๊าซที่แท้จริง
เรือโดยสารจ่อปรับราคาตาม
ด้านเรือ โดย นายเจริญพร เจริญธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด ให้บริการเรือด่วนเจ้าพระยาและเรือข้ามฝาก ก็ออกมาระบุว่า
เรือด่วนได้ทำกรอบเพดานราคาค่าโดยสารไว้กับกรมเจ้าท่าว่า หากราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นเกินกว่าลิตรละ 29 บาท เป็นระยะเวลาเกิน 15 วัน เรือด่วนจะต้องปรับขึ้นราคาค่าโดยสารขึ้นในอัตรา 1 บาท ดังนั้น จะต้องรอดูราคาน้ำมันอีก 11 วัน เพื่อให้ครบ 15 วัน หากราคาไม่ปรับลดลง ตามหลักการจะต้องปรับราคาขึ้นเที่ยวละ 1 บาท
ขณะที่ นายชวลิต เมธยะประภาส นายกสมาคมเรือไทย เจ้าของบริษัท ครอบครัวขนส่ง จำกัด ผู้ให้บริการเรือโดยสารคลองแสนแสบ ระบุว่า ขณะนี้ราคาน้ำมันดีเซลได้ปรับเพิ่มขึ้นทะลุเพดานสูงสุดลิตรละ 29 บาทตามข้อตกลงแล้ว โดยจะขอรอดูแนวโน้มราคาต่อเนื่องอีก 2 สัปดาห์ หากราคาไม่ลดลงเรือคลองแสนแสบจะนัดประชุมกับกรมเจ้าท่า เพื่อเสนอขอปรับขึ้นค่าโดยสารอีกเที่ยวละ 1 บาท
นกแอร์ยอมรับกระทบต้นทุน
ส่วน นายปิยะ ยอดมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่า แนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกที่อยู่ในช่วงขาขึ้น เป็นผลกระทบทำให้ต้นทุนของธุรกิจสายการบินปรับสูงขึ้น และจะส่งผลต่อราคาบัตรโดยสาร รวมไปถึงการทำโปรโมชั่นแข่งขันในราคาต่ำ ที่อาจจะต้องปรับสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ดีการปรับเพิ่มของราคาตั๋ว จะยังคงดำเนินอยู่ในกรอบเพดานราคาที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) กำหนด อีกทั้งจะไม่ทำให้ผู้โดยสารได้รับผลกระทบหนัก
โซเชียลต้านเติมน้ำมันปั๊มปตท.
พร้อมกันนี้ยังเกิดกระแสในสังคมโซเชียลที่เชิญชวนประชาชนยกเลิกการเติมน้ำมันในปั๊ม ปตท. จน นายสุชาติระมาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดขายปลีก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ต้องออกมาระบุว่า กรณีกระแสโซเชียลเผยแพร่ข้อมูลเชิญชวนประชาชนยกเลิกการเติมน้ำมันของสถานีบริการน้ำมัน (ปั๊ม) ปตท. ระหว่างวันที่ 1-7 มิถุนายนนี้ว่า แม้จะยังไม่ถึงวันและเวลาดังกล่าว แต่เบื้องต้น ปตท.ได้รับรายงานจากปั๊มในพื้นที่ต่างๆ ว่ายังไม่พบความผิดปกติเรื่องการจำหน่ายน้ำมันที่ลดลง ซึ่ง ปตท.มีปั๊มทั่วประเทศ 1,500 แห่ง แต่ ปตท.เป็นเจ้าของเพียง 10% ส่วนอีก 90% คิดเป็นจำนวนประมาณ 1,300 ปั๊ม เป็นของดีลเลอร์ โดยได้ขอความร่วมมือเจ้าของปั๊มน้ำมันทุกแห่งชี้แจงทำความเข้าใจกับลูกค้าที่มาเติมน้ำมันในปั๊ม ปตท.ว่า ปตท.ไม่ได้เอาเปรียบลูกค้าทั้งในเรื่องราคาและคุณภาพน้ำมันตั้งแต่ช่วงนี้ไปจนถึงวันที่ 7 มิถุนายนด้วย
คุมเข้มอาหารฉวยปรับราคา
นอกจากนี้ ยังมีกระแสการขึ้นราคาของสินค้าและอาหาร จนกระทรวงพาณิชย์ต้องออกมาเตือนโดย นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในออกตรวจสอบและติดตามการเคลื่อนไหวของราคาสินค้าและอาหารจานด่วน หลังราคาก๊าซหุงต้มและราคาน้ำมันเชื้อเพลิงปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ จากการศึกษาโครงสร้างราคาอาหารจานด่วน จากการปรับราคาก๊าซหุงต้มจาก 353 บาทต่อถัง(15 กิโลกรัม) เป็น 395 บาท/ถัง หรือปรับขึ้น 42 บาท/ถัง หลังมาตรการลอยตัวราคาเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นราคาเท่ากับกลางปี 2558 เมื่อคำนวณกับต้นทุนอาหารจานด่วนยอดนิยม เช่น ข้าวผัดกะเพรา ราคา 35บาท/จาน ค่าก๊าซจะกระทบเพียง 15 สตางค์ หรือก๋วยเตี๋ยว กระทบเพียง 20 สตางค์ จึงไม่มีเหตุผลอันสมควรที่จะขยับราคาจาก35 บาท เป็น 40 บาท ส่วนสินค้าทั่วไปคำนวณจากค่าขนส่งเพิ่มจากราคาดีเซล ซึ่งจะมีผลต่อต้นทุนสินค้าขยับสูงสุดไม่เกิน 0.5% เช่น หมวดปูนซีเมนต์ แต่ส่วนใหญ่กระทบเพียง 0.03% จึงไม่มีเหตุผลที่จะขยับราคา
เฮ!กบง.ตรึงราคาพลังงาน
ทั้งนี้ ภายหลังคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติตรึงราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร โดยใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปช่วยอุดหนุน และอุดหนุนราคาก๊าซแอลพีจี 10 บาทต่อขนาดถัง 15 กก. ทำให้ราคาแอลพีจีลดลงเหลือไม่เกินถังละ 363 บาท มีผลวันที่ 28 พฤษภาคม 2561 นั้น ก็ทำให้
ผู้ประกอบการรถบรรทุกพอใจมาก โดย นายยู เจียรยืนยงพงศ์ ประธานสหพันธ์รถบรรทุกอาเซียน ระบุว่า ก่อนหน้านี้ทางสหพันธ์ได้ทำหนังสือถึงกระทรวงพลังงานเพื่อเรียกร้องให้นำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่จัดเก็บไว้เกินกว่า 4 หมื่นล้านบาทออกมาช่วยสนับสนุนเพื่อช่วย
ผู้ประกอบการไม่ให้ได้รับความเดือดร้อนจากราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหากรัฐบาลหรือกระทรวงพลังงานไม่ช่วยเหลือทางผู้ประกอบการมีความจำเป็นต้องปรับราคาค่าขนส่งเพิ่มขึ้นอีก 5% นั้น ในเมื่อ กบง.ได้ตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ไม่เกิน 30 บาทแล้ว ก็ถือว่าเป็นมาตรการที่สหพันธ์รู้สึกพึงพอใจ และทางสหพันธ์ก็จะไม่มีการเคลื่อนไหวหรือเรียกร้องอะไรเพิ่มเติมอีก
เจ๊เกียวเดินหน้าขอขึ้นค่าตั๋ว
สวนทางกับ เจ๊เกียว นางสุจินดา เชิดชัย นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารขนส่ง ที่ยืนยันว่า
ถึงแม้ กบง.จะตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้แล้ว ทางสมาคมก็ยังจะเดินหน้าเรียกร้องให้มีการปรับขึ้นค่าโดยสารต่อไป เนื่องจากราคาที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นอัตราค่าโดยสารขั้นต่ำที่ผู้ประกอบการแบกรับไว้ไม่ไหวอยู่แล้ว การตรึงราคาไว้ที่ 30 บาท ก็ยังอยู่ในกรอบที่กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) จะต้องปรับขึ้นราคาให้กับทางผู้ประกอบการ โดยเห็นว่าค่าโดยสารจะต้องคิดตามราคาน้ำมัน คือ หากน้ำมันขึ้น 1 บาท
ก็ต้องปรับขึ้นค่าโดยสาร 1 สตางค์ต่อกิโลเมตร (กม.)หากน้ำมันลง 1 บาท ค่าโดยสารก็ปรับลง 1 สตางค์ต่อ กม.
โดยปัจจุบันทางกรมการขนส่งทางบกได้ว่าจ้างสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังศึกษาสูตรการขึ้นลงอยู่ แต่ทางผู้ประกอบการรอจนเสร็จไม่ได้ เพราะทุกวันนี้ก็มีต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นางสุจินดายังระบุอีกว่า ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2559 ซึ่งเป็นครั้งล่าสุดที่ได้ปรับขึ้นค่าโดยสาร ซึ่งคิดจากราคาน้ำมันประมาณ 19 บาทต่อลิตร จนถึงตอนนี้น้ำมันขึ้นมาประมาณ 10 บาท หรืออยู่ที่ประมาณ 29 บาทกว่า ทางผู้ประกอบการก็จะต้องได้ปรับค่าโดยสารอีก 10 สตางค์ต่อ กม. ดังนั้น ก็ต้องเดินหน้าขอปรับในส่วนที่ยังขาดอยู่ คือ 10 สตางค์ต่อ กม.เท่านั้น หากต่อไปน้ำมันปรับตัวลงทางผู้ประกอบการก็พร้อมจะปรับราคาลงด้วย
รถร่วมขสมก.ชี้ต้องขึ้นค่าตั๋ว
สอดคล้องกับ นางภัทรวดี กล่อมจรูญ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทาง (รถร่วม ขสมก.) ที่ระบุว่า ผู้ประกอบการรถร่วม ขสมก.ใช้ก๊าซเอ็นจีวี ไม่ใช่น้ำมันดีเซล และการที่ขอปรับขึ้นค่าโดยสารอีก 4 บาทนั้น ก็เนื่องมาจากรถร่วม ขสมก.ถูกอั้นราคามานานแล้ว มีการชะลอปรับมา 3 ปี โดยภาครัฐอ้างให้รอการปฏิรูปของกรมการขนส่งทางบกก่อน แต่ในระหว่างรอค่าโดยสารที่คุ้มทุนก็ต้องปรับ 3-4 บาทแล้ว ขณะที่ก๊าซเอ็นจีวีก็ปรับขึ้นมาแล้ว 0.62 สตางค์ ไม่ใช่แค่ก๊าซ แต่ยังมีค่าแรง
ค่าครองชีพที่ปรับขึ้นมาแล้วด้วย แต่ทางรถร่วมก็ไม่ได้ปรับ ซึ่งแตกต่างจากผู้ประกอบการเรือโดยสารที่สามารถปรับราคาตามตารางค่าน้ำมันได้เลยเมื่อราคาน้ำมันปรับขึ้นหรือลง จึงอยากเรียกร้องให้กรมการขนส่งทางบกทำตารางราคาให้กับรถร่วม ขสมก.บ้าง ดังนั้น มาถึงจุดนี้
จึงระบุว่าต้องขึ้น 4 บาท
แท็กซี่สุวรรณภูมิทวงสัญญา5%
ด้าน นายพัลลภ ฉายินธุ คณะทำงานจัดระเบียบรถบริการสาธารณะภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (แท็กซี่สนามบินสุวรรณภูมิ) ในฐานะสมาชิกผู้ขับขี่แท็กซี่สุวรรณภูมิ ออกมาระบุว่า ขณะนี้สมาชิกผู้ขับรถแท็กซี่สุวรรณภูมิที่วิ่งให้บริการภายในสนามบินสุวรรณภูมิรวมกว่า 7 พันคัน กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากปัญหาราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซเอ็นจีวีที่มีราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เริ่มขาดทุนจากการวิ่งรถ อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะกระทรวงคมนาคมยังไม่ยอมอนุมัติให้แท็กซี่ปรับขึ้นราคารอบที่ 2 ที่เหลืออีก 5% ตามที่เคยสัญญาไว้
แม้ว่าจะมีข้อตกลงกันตั้งแต่เมื่อ 4 ปีที่แล้ว รวมถึงการปรับขึ้นค่าธรรมเนียม (เซอร์ชาร์จ) ของรถแท็กซี่ที่ให้บริการในสนามบินก็ยังไม่ได้รับการปรับ ขณะนี้ผู้ขับขี่แท็กซี่ไม่สามารถแบกภาระต้นทุนต่อได้แล้ว โดยเมื่อวันที่15 พฤษภาคมที่ผ่านมา แท็กซี่สุวรรณภูมิได้ร่วมกันทำหนังสือร้องเรียนไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี เพื่อทวงสัญญาขอปรับขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่รอบที่ 2 อีก 5% ตามที่ตกลงไว้กับกระทรวงคมนาคม
นายพัลลภระบุด้วยว่า รอกระทรวงคมนาคมมา4 ปีแล้ว ล่าสุดก็ยังไม่ปรับขึ้นราคา 5% วันนี้น้ำมันขึ้นมา
ซ้ำเติมอีก ทำให้แท็กซี่อยู่ไม่ได้ ดังนั้น สัปดาห์นี้ จะเรียกประชุมตัวแทนสมาชิกแท็กซี่สุวรรณภูมิทั้งหมด เพื่อกำหนดท่าทีว่าจะหาทางออกอย่างไร อาจจำเป็นต้องรวบรวมสมาชิกบุกไปที่กระทรวงคมนาคมเพื่อทวงสัญญาขอขึ้นค่าโดยสารโดยทันที เพราะรอมา 4 ปีแล้ว วันนี้รอไม่ไหวแล้วต้องปรับให้ทันที หากกระทรวงคมนาคมไม่พิจารณาก็อาจจะทำให้เกิดปัญหา แท็กซี่บางคนที่ไม่ดี
อาจใช้วิธีไม่กดมิเตอร์ หรือใช้วิธีจ้างเหมา เอาเปรียบผู้โดยสารมากขึ้น เพื่อหาทางรอดให้กับตัวเองให้อยู่รอดได้ในภาวะที่ลำบาก ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงกับประชาชนผู้ใช้บริการในวงกว้าง หากรัฐบาลยอมให้ขึ้นราคาปัญหานี้ก็จะหมดไป
สั่งปิดป้ายแสดงราคาสินค้า
นอกจากนี้ ในเรื่องของกระแสราคาอาหารที่จ่อปรับราคานั้น น.ส.สุทัศนีย์ ราชเรืองระบิน รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า จากการสำรวจสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคยังพบว่าราคายังเคลื่อนไหวปกติ และยังไม่มีผู้ผลิตสินค้าชนิดใดหรือรายใดยื่นขอปรับขึ้นราคามายังกรม โดยเห็นว่าเมื่อ กบง.มีมติคุมราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร และก๊าซหุงต้มถัง (15 กก.) อยู่ที่ 363 บาทต่อถัง ก็ไม่มีเหตุผลที่ราคาสินค้าหรือราคาอาหารจานด่วนจะปรับราคาขึ้น โดยกำชับค้าภายในจังหวัด และสายด่วน 1569 ออกตรวจสอบภาวะราคาสินค้า และกำชับให้ร้านค้าจำหน่ายก๊าซหุงต้มปิดป้ายแสดงราคาสินค้าที่ชัดเจนและถูกต้อง
ปตท.ประกาศลดน้ำมัน-ก๊าซ
ล่าสุดสถานการณ์ความตึงเครียดเกี่ยวกับราคาน้ำมันและก๊าซดูจะผ่อนคลายลงไปอีก เมื่อบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศราคาขายปลีกก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) หรือก๊าซหุงต้ม โดยลดลง 2 บาทต่อกิโลกรัม (ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) สำหรับถังขนาด 15 กิโลกรัม จะมีราคาอยู่ที่ 365 บาท ซึ่งลดลงจากเดิม 30 บาทต่อถัง มีผลตั้งแต่วันที่ 25-28 พฤษภาคม 2561 รวมทั้งได้ปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดทั้งกลุ่มเบนซินและดีเซลลง 50 สตางค์ต่อลิตร ส่งผลให้ราคาน้ำมันเบนซิน 95 อยู่ที่ 36.86 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 29.75 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 29.48 บาท/ลิตร E20 อยู่ที่ 27.24 บาท/ลิตร และดีเซลอยู่ที่ 29.29 บาท/ลิตร ยกเว้น E85 คงเดิมอยู่ที่ 21.74 บาท/ลิตร
แต่ก็ยังคงต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
โดยเฉพาะรถโดยสารสาธารณะที่ยังไม่ยอมลดราวาศอก หากพ้นช่วงโปรโมชั่นตรึงราคาและลดราคาพลังงานแล้ว สารพัดความวุ่นวายที่เกิดขึ้นก็อาจจะปะทุขึ้นมาอีกระลอกก็เป็นได้!!
