ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีตลาดหุ้นเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน และปรับลงเป็นวันแรกของสัปดาห์ หลังภาวะหุ้น 2 วันทำการที่ผ่านมาที่ดัชนียืนอยู่ในแดนบวก โดยดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 1,636.63 จุด ปรับลดลง 6.97 จุด หรือลดลง 0.42% โดยระหว่างวันดัชนีทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,641.34 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,628.03 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 44,493.49 ล้านบาท แบ่งเป็น นักลงทุนสถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 198.66 ล้านบาท นักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 138.33 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 766.58 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ ซื้อสุทธิ 429.58 ล้านบาท
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การปรับลงของดัชนีตลาดหุ้นในวันนี้เป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นในเอเชียที่ปรับตัวลงเช่นกัน โดยสาเหตุมาจากตัวแปรเดียวคือ การประกาศรายชื่อสินค้าอาหารที่สหรัฐจะเก็บภาษีสินค้าจากจีน 10% วงเงินรวมประมาณ 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งนักลงทุนกังวลเรื่องวันประกาศเก็บภาษีที่ยังไม่ได้ข้อสรุป อย่างไรก็ตามการปรับลงของดัชนีในวันที่ 11 กรกฎาคม ปรับลงไม่มาก เนื่องจากเป็นเรื่องที่ตลาดรับรู้ไปแล้ว
“ทิศทางตลาดหุ้นในวันพรุ่งนี้ ประเมินว่าตลาดยังผันผวนและมีโอกาสที่ดัชนีจะอ่อนตัวลงต่อเนื่อง คาดว่าดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,625-1,645 จุด เพราะฉะนั้นจึงต้องติดตามพัฒนาการของประเด็นดังกล่าวว่าจะกระทบอย่างไรบ้าง” นายมงคลกล่าว
