นายโชติ ชูสุวรรณ กรรมการเลขาธิการ สมาคมผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลเร่งผลักดันโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี โดยได้เดินสายพบปะนักลงทุนต่างชาติเพื่อเชิญชวนเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่องนั้น พบว่านักลงทุนของบริษัทข้างชาติได้สะท้อนถึงความวิตกกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงทางพลังงานด้านไฟฟ้าและไอน้ำว่าจะมีเพียงพอรองรับกับการลงทุนภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่หรือไม่ หลังทราบว่าขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการต่ออายุสัญญาโรงไฟฟ้ารายเล็ก (เอสพีพี) ที่จะสิ้นสุดลงระหว่างปี 2560-2568
นายโชติ กล่าวว่า คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 2559 ให้ต่ออายุสัญญาโรงไฟฟ้าของเอสพีพี ประเภทพลังความร้อนร่วม (Cogeneration) ซึ่งเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าและไอน้ำจำหน่ายให้กับนิคมอุตสาหกรรม แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมแต่อย่างใด ซึ่งความล่าช้านี้อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนญี่ปุ่นรายใหญ่ ซึ่งเป็นลูกค้าของเอสพีพีจำนวน 25 ราย ที่จะทยอยสิ้นสุดอายุสัญญาเป็นชุดแรก เพราะส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมพื้นที่อีอีซี
“หากไม่สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าระบบได้ทันตามกำหนด จะกระทบต่อความเสถียรและเสี่ยงต่อการขาดแคลนกระแสไฟฟ้า การเกิดไฟฟ้าตก ไฟฟ้าดับในกระบวนการการผลิตแต่ละครั้ง จะสร้างความสูญเสียเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้เทคโนโลยีออโตเมชั่นในระบบผลิต”
