ชี้แจงข้อเท็จจริง น้ำมันถ้าจะมันหยด!

ตามที่ รองศาสตราจารย์ทวี ผลสมภพ ได้นำเสนอบทความผ่านคอลัมน์ น้ำมันถ้าจะมันหยด! เผยแพร่ทางหนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 21 เมษายน 2559 นั้น ปตท.ขอขอบคุณสำหรับข้อสังเกตในประเด็นต่างๆ และพร้อมรับฟังเพื่อชี้แจงให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง แต่ในส่วนที่เกี่ยวกับคำฟ้องของรักษาการประธานผู้ตรวจการแผ่นดินนั้น ปตท.ได้เผยแพร่การชี้แจงผ่านทาง www.pttplc.com และ facebook : pttnews ดังนั้น จึงขอชี้แจงในส่วนที่เกี่ยวกับราคาน้ำมัน ดังนี้

“ประเทศไทยมีปริมาณน้ำมันดิบน้อยมากในอันดับที่ 48 เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในโลก แต่เรากลับใช้น้ำมันในปริมาณมากเป็นอันดับที่ 18 มากกว่าที่ผลิตได้

PTT-GRAPHIC2

 

ดังนั้น จึงต้องนำเข้าเพิ่มเติมเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ เป็นปริมาณถึง 85% ของปริมาณการใช้ทั้งหมด เป็นมูลค่าเก้าแสนกว่าล้านบาทต่อปี ประเทศไทยจึงเป็นนับเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมัน (net importer)

ADVERTISMENT

ptt-GRAPHIC1

“น้ำมันถือเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ (commodity) ที่มีการซื้อขายกันทั่วโลก ถึงแม้ไทยจะมีโรงกลั่นในประเทศ แต่ก็ไม่สามารถตั้งราคาน้ำมันสำเร็จรูปเองได้ เพราะน้ำมันดิบที่ใช้ในการกลั่น มาจากการนำเข้าเป็นหลักด้วยราคาตลาด เมื่อกลั่นได้น้ำมันสำเร็จรูป จึงต้องตั้งราคาขายที่อ้างอิงจากราคาตลาด และตลาดที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียก็คือตลาดสิงคโปร์ ซึ่งมีผู้ค้าน้ำมันมากกว่า 325 บริษัท ทำการซื้อขายกัน ราคาตลาดสิงคโปร์ไม่ใช่ราคาที่กำหนดขึ้นโดยประเทศสิงคโปร์ หรือราคาขายที่สถานีบริการในสิงคโปร์ แต่เป็นราคากลางที่ถูกกำหนดโดยกลไกตลาดที่ผู้ค้าน้ำมันตกลงซื้อขายกัน

“ราคาน้ำมันสำเร็จรูปของไทยประกอบด้วย 3 ส่วนหลักคือ

1.เนื้อน้ำมันที่มาจากโรงกลั่น ซึ่งมีอัตราส่วนมากที่สุดประมาณ 60%

2.ภาษีสรรพสามิต ภาษีเทศบาล ภาษีมูลค่าเพิ่ม และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ในอัตราส่วน 35%

3.ค่าการตลาด ในอัตราส่วน 5% ซึ่งยังไม่ใช่กำไร เพราะยังต้องหักค่าบริหารจัดการของสถานีบริการ

ดังนั้น ราคาขายน้ำมันสำเร็จรูปของประเทศไทยจึงไม่สามารถเปรียบเทียบกับมาเลเซียได้ เพราะโครงสร้างราคาแตกต่างกัน เพราะประเทศมาเลเซียเป็นประเทศส่งออกน้ำมันเป็นหลัก รัฐบาลจึงมีรายได้สามารถอุดหนุนราคาโดยไม่ต้องเรียกเก็บภาษีหรือกองทุนฯ ซึ่งปัจจุบันมาเลเซียกำลังพิจารณายกเลิกเพื่อลดภาระการเงินของประเทศ

น้ำมัน-กราฟแท่ง2

 

“ปตท.ในฐานะบริษัทพลังงานของไทย กำหนดราคาอย่างสมดุลระหว่างผู้บริโภคและผู้ประกอบสถานีโดยมีค่าการตลาดเฉลี่ยเพียง 1.50 บาทต่อลิตร ซึ่งเมื่อเทียบกับผู้ค้ารายอื่น ปตท.ปรับขึ้นช้ากว่าผู้ค้ารายอื่น 15 ครั้ง ครั้งละ 1-10 วัน รวมทั้งหมด 33 วัน (ปี 2558)

ปตท. ขอยืนยันว่าได้ดำเนินงานทุกขั้นตอนภายใต้หลักธรรมาภิบาล ตรวจสอบได้ และสามารถสอบถามข้อเท็จจริงอื่นๆ ได้ที่ www.pttplc.com หรือดาวน์โหลด PTT Insight Application หรือ PTT Contact Center โทร 1365

 

คลิกอ่านที่นี่ ...น้ำมันถ้าจะมันหยด! โดย รศ.ทวี ผลสมภพ