“ส.ผู้จัดพิมพ์ฯ-ธุรกิจหนังสือ” ขานรับมาตรการภาษีส่งเสริมการอ่าน

รบ.จับมือ-ส.ผู้จัดพิมพ์ผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย-ธุรกิจหนังสือ เดินหน้าช้อปหนังสือช่วยชาติ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.62 ลดหย่อนภาษี 1.5 หมื่นบ. คาดเพิ่มยอดจำหน่ายหนังสือ 800 ล.ต่อเดือน

เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการบูรณาการส่งเสริมวัฒนธรรมการอ่านเพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ แถลงผลการประชุมคณะกรรมการบูรณาการส่งเสริมวัฒนธรรมการอ่านฯ กรณีขานรับมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการอ่าน มาตรการภาษีเพื่อพยุงเศรษฐกิจในช่วงกลางปี 2562 ของกระทรวงการคลัง โดยมีนายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายกฤษศญพงษ์ ศิริ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และตัวแทนจากสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) และสำนักพิมพ์หนังสือ อาทิ นางสุชาดา สหัสกุล นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือฯ น.ส.ปานบัว บุนปาน รองกรรมการผู้จัดการสายการตลาด บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ร่วมแถลง

นายวิษณุ กล่าวว่า รัฐบาลได้ดำเนินงานตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) เรื่องการเตรียมพร้อมด้านกำลังคนและการเสริมสร้างศักยภาพของประชากรในทุกช่วงวัย และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่มุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพทุนมนุษย์ของประเทศ และเล็งเห็นว่าจำเป็นต้องกำหนดมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนส่งเสริมการอ่าน และกระตุ้นการตัดสินใจซื้อหนังสือ รวมถึงสามารถสนับสนุนให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในวงการหนังสือ และสื่อสิ่งพิมพ์ทุกชนิด รวมทั้งหนังสือที่อยู่ในรูปแบบของ E-book ทั้งนี้คณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้ลงมติเห็นชอบ มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการอ่าน มาตรการภาษีเพื่อพยุงเศรษฐกิจในช่วงกลางปี 2562 แล้วเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2562 โดยกำหนดให้ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคล สามารถนำค่าหนังสือ และค่าบริการ e-book ทุกประเภทตามที่จ่ายจริง ไปเป็นค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม– 31 ธันวาคม 2562 โดยลดหย่อนได้ไม่เกิน 15,000 บาท โดยค่าใช้จ่ายในการซื้อหนังสือในครั้งนี้ หากคิดรวมกับรายจ่ายในการซื้อหนังสือและสื่อสิ่งพิมพ์ที่ได้จ่ายไปตั้งแต่วันที่ 1-16 มกราคม 2562 ตามมาตรการช้อปช่วยชาติ ต้องไม่เกิน 15,000 บาท

นายวิษณุ กล่าวอีกว่า ดังนั้นสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย ในฐานะองค์กรตัวแทนธุรกิจหนังสือและสิ่งพิมพ์ จึงได้กำหนดแผนงานสนับสนุนมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการอ่าน มาตรการภาษีเพื่อพยุงเศรษฐกิจในช่วงกลางปี 2562 ดังนี้ 1.ร่วมกับร้านหนังสือ อาทิ สำนักพิมพ์มติชน นายอินทร์ บีทูเอส ซีเอ็ด และ ร้านหนังสืออิสระ จัดเทศกาลหนังสือ Book for Mum ในเดือนสิงหาคม และ เทศกาลหนังสือ Book for Gift ในเดือนธันวาคม เพื่อสร้างโอกาสการซื้อและจำหน่ายหนังสือได้มากขึ้น 2.ร้านหนังสือ สํานักพิมพ์จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย สนับสนุนให้เกิดการซื้อและการจำหน่ายหนังสือจาก ร้านหนังสือ อาทิ สำนักพิมพ์มติชน นายอินทร์ บีทูเอส ซีเอ็ด และ ร้านหนังสืออิสระ รวมถึงการจำหน่าย e-book ด้วย 3.จัดกิจกรรมเสวนา รวมถึง Clip VDO เผยแพร่ โดยเชิญ Idol / Influencer ที่ประสบความสําเร็จ ด้วยการอ่านทุกเดือน (มิถุนายน-ธันวาคม 2562) และ 4. ประสัมพันธ์โครงการผ่านสื่อต่าง ทั้งoffline และ online

Advertisement

รองนายกฯ กล่าวอีกว่า สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย และรัฐบาลคาดว่าหลังจากมีมาตรการนี้ จะส่งผลในทางบวกต่อกำลังซื้อของประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ซึ่งยังมีความจำเป็นต้องจัดซื้อหนังสือเรียนให้กับบุตรหลาน อีกทั้งจากผลสำรวจของการดำเนินมาตรการภาษีเพื่อเกษตร ชุมชนและทุนมนุษย์ หรือช้อปช่วยชาติในช่วงปลายปีคือตั้งแต่ 15 ธันวาคม 2561 ถึง 16 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนทั่วไปมีความต้องการให้ขยายเวลาของมาตรการภาษีเพื่อซื้อหนังสือ รวมทั้งภาคเอกชนที่ประกอบธุรกิจการพิมพ์ แจ้งว่าในช่วงดังกล่าวมีปริมาณการสั่งซื้อหนังสือรวมประมาณ 831 ล้านบาท มากกว่าที่สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทยประเมินไว้ ขณะที่ร้านหนังสือที่เป็นเชนรายใหญ่ๆ นั้นต่างก็มียอดขายที่เพิ่มกว่าช่วงปกติเช่นเดียวกัน

นายวิษณุ กล่าวว่า รัฐบาลได้แต่งตั้งคณะกรรมการบูรณาการวัฒนธรรมการอ่านเพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้เนื่องจากการอ่านเป็นวัฒนธรรมที่สามารถส่งเสริมให้พัฒนาขึ้นได้ จึงอยากให้คนอ่านหนังสือเพิ่มมากขึ้น จากในอดีตที่มีการระบุว่าคนไทยอ่านหนังสือปีละ 8 บรรทัด แต่จาการสำรวจล่าสุดพบว่าคนไทยอ่านหนังสือมากขึ้นแล้ว เป็นวันละ 80 นาที แต่เราอยากให้มากขึ้นกว่านั้นอีก โดยคณะรัฐมนตรีได้ลงมติเห็นชอบ มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการอ่าน มาตรการภาษีเพื่อพยุงเศรษฐกิจในช่วงกลางปี 2562 แล้ว เมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา โดยกำหนดให้ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคล สามารถนำค่าหนังสือ และค่าบริการ e-book ทุกประเภทตามที่จ่ายจริง ไปเป็นค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม– 31 ธันวาคม 2562 โดยลดหย่อนได้ไม่เกิน 15,000 บาท โดยค่าใช้จ่ายในการซื้อหนังสือในครั้งนี้ หากคิดรวมกับรายจ่ายในการซื้อหนังสือและสื่อสิ่งพิมพ์ที่ได้จ่ายไปตั้งแต่วันที่ 1-16 มกราคม 2562 ตามมาตรการช้อปช่วยชาติ ต้องไม่เกิน 15,000บาท ทั้งนี้โครงการดังกล่าวส่งผลให้ยอดขายหนังสือทั่วประเทศเพิ่มขึ้นจากเดือนละ 500-600 ล้านบาท เป็น 800 ล้านบาท

“รัฐบาลคาดว่าหลังจากมีมาตรการนี้ จะส่งผลในทางบวกต่อกำลังซื้อของประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยซึ่งมีความจำเป็นต้องจัดซื้อหนังสือเรียนให้กับบุตรหลาน รวมทั้งประชาชนทั่วไปจะสามารถใช้ประโยชน์จากมาตรการภาษีในการเพิ่มพูนประสบการณ์และความรู้จากการอ่านจนเกิดพฤติกรรม รักการอ่าน รวมถึงภาคอุตสาหกรรมสื่อสิ่งพิมพ์ และ E-book ที่จะมีรายได้เพิ่มจากการผลิตและจำหน่ายหนังสือหรือการให้บริการ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ การดำเนินนโยบายด้านภาษีในครั้งนี้จะเกิดผลสำเร็จได้ต้องอาศัยความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคมที่มีบทบาทสำคัญ เช่น กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานกศน. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ สำนักพิมพ์ ร้านหนังสือ รวมทั้งพ่อแม่ครูและผู้ปกครอง ซึ่งทุกฝ่ายต้องช่วยกันขับเคลื่อนวัฒนธรรมการอ่านให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริงในสังคมไทยต่อไป”นายวิษณุ กล่าว
****

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image